ใกล้จะสิ้นปี 2554กันอีกแล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในแต่ละปี และเรามีงานท่องเที่ยวดีๆมานำเสนอกันอีกแล้ว นั่นคือ "งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 23" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 พฤศจิกายน ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด "เที่ยวคุ้มส่งท้ายปี ที่ใครก็ไม่ควรพลาด" ซึ่งภายในงานมีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวมากมายมาร่วมออกบูธกันกว่า 750 บูธ ทั้งมีแพ็คเกจกิจกรรมดีๆ มาร่วมสนับสนุนลดราคากันอย่างมากมาย อาทิ การแค้มปิ้ง การดำน้ำ และอื่นๆอีกมากมายเป็นต้น แถมราคาห้องพักภายในงานก็ยังมีจัดมากระหน่ำกันจนหนำใจ โดยภายในงานจะแบ่งโซนการจัดออกเป็น 5 โซน คือ
ส่วนที่ 1 โซนโรงแรมรีสอร์ท เป็นการรวมเอาแพ็คเกจโรงแรมที่พัก และโปรโมชั่นต่างๆอย่างสุดคุ้มมาไว้ให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อกันกว่า 500 บูธ
ส่วนที่ 2 โซนบริการท่องเที่ยว เป็นการให้บริการจากผู้ประกอบการด้านธุรกิจรถเช่า สายการบิน เรือท่องเที่ยว สปา สถานบันเทิง สถานพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงสินค้าท่องเที่ยวทั่วไป ได้แก่ อุปกรณ์เดินทาง อุปกรณ์แค้มปิ้ง ดำน้ำ กล้องถ่ายรูป และนิตยสารท่องเที่ยว มาลดราคาพิเศษเฉพาะงานนี้กว่า 100 บูธ
ส่วนที่ 3 โซนทัวร์นำเที่ยว โซนนี้เป็นการให้บริการจากบริษัททัวร์ต่างๆที่มีใบอนุญาตประกอบการนำเที่ยวที่สำนักพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) ให้การรับรอง แน่นอนว่าต้องมีแพ็คเกจทัวร์ดีๆมาลดราคาแข่งขันกันอย่างมากมาย
ส่วนที่ 4 โซนเที่ยวไปกินไป ส่วนนี้จะเป็นโซนของการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มสุดแสนอร่อย สินค้าโอท็อป และของฝากของที่ระลึกจากทั่วสารทิศ มาให้ซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกกว่า 100 บูธ
ส่วนที่ 5 โซนกิจกรรม มีการสาธิตตั้งเต็นท์แค้มปิ้งในป่า และกิจกรรมต่าง ๆ บนเวทีมากมาย อาทิ การแสดงร่วมสมัยอันสวยงามจากผู้ประกอบการ และสนุกกับการเล่นเกมส์ ตอบคำถาม จับรางวัล ที่จะสร้างสีสัน สลับกันขึ้นมาสร้างความบันเทิงตลอดงานอย่างเต็มอิ่มทั้ง 4 วัน
อย่าลืมไปใช้บริการกันนะจ๊ะ งานดีๆแบบนี้จัดขึ้นทั้งที รับรองว่าน่าจะมีแพ็คเกจดีๆไว้บริการเหล่าบรรดานักเที่ยวกันแน่นอน และที่สำคัญก่อนไปวางแผนการเดินทางกันด้วยนะจ๊ะ จะได้ไม่เสียเวลาไปกับสภาพรถติดของบ้านเรา
Trick ดีๆ : หากเพื่อนๆสนใจจะใช้บริการห้องพักอาจจะเลือกซื้อกับ hotel Agency ก็น่าจะลดได้เยอะกว่า เพราะนอกจากเค้าจะได้ Rate ราคาลดมาจากโรงแรมแล้ว
อาจจะยังมีแพคเกจสมนาคุณอื่นๆเสริมให้ด้วย แบบนี้เค้าเรียกว่าได้แบบ 2 ต่อ นะจ๊ะ ยังไงก็ลองไปเลือกซื้อกันดูน๊า วางแผนกันล่วงหน้าก็ยิ่งดีนะคะ จะได้ไม่พลาดโอกาส
ภาพจากเว็บไซต์ : google
วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554
เที่ยวชมพระพุทธรูปทองคำ วัดไตรมิตร
สวัสดีเพื่อนๆชาว hotelthailand-travel ทุกคนนะคะ วันก่อนได้มีโอกาสนั่งผ่านไปแถวๆเยาวราช เลยคิดได้ว่ามีวัดนึงแถวๆนี้ที่น่าสนใจไม่น้อย นั่นคือ "วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร" เป็นวัดที่โด่งดังในเรื่องของพระพุทธรูปทองคำ ซึ่งได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ค ว่าเป็น"ปูชนียบุคคลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก" ซึ่งการไปวัดก็ง่ายแสนง่าย เพราะอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟหัวลำโพงเพียงนิดเดียวเท่านั้น
วัดไตรมิตร นั้นแต่เดิมมีชื่อว่า "วัดสามจีน" ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเพื่อความเป็นศิริมงคลให้เป็น "วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร" อันมีฐานะเป็นวัดในพระอารามหลวง ภายในพระอุโบสถของวัดไตรมิตรนั้นมีพระประธาน คือ องค์พระพุทธทศพลญาณ หรือ หลวงพ่อโตวัดสามจีน นั่นเอง จะบอกว่าองค์ท่านนั้นเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงนิยมมากราบไหว้ขอพรกันไม่ขาดสายเลยทีเดียว
นอกจากองค์พระประธานแล้วยังมีพระมหามณฑป ที่มีการก่อสร้างอย่างวิจิตรงดงาม ตระการตาอันมีความสูงถึง 4 ชั้น ซึ่งภายในมณฑปนี้มีพระพุทธรูปทองคำ อันเป็นพระพุทธรูปในสมัยอยุทธยา เชื่อกันว่าชาวบ้านได้เอาปูนพอกไว้ตอนสมัยสงครามกรุงศรี เพื่อกันมิให้ฝ่ายพม่าเผาลอกเอาทองไป จึงเหลือตกทอดมาถึงชาวไทยให้ได้ประดับเป็นบารมีคู่บ้านคู่เมือง มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งพระพุทธรูปทองคำนี้มีชื่อว่า "พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร" ทั้งองค์เป็นทองคำแท้ที่มีน้ำหนักถึง 5 ตันเลยทีเดียว (โอ้ว คิดดูสิว่าจะงดงามแค่ไหน)
ด้วยน้ำหนักขนาดนี้นี่เองซ้ำองค์พระยังถูกพอกปูนไว้ด้วย ทำให้ยากต่อการเคลื่อนย้าย จนเกิดอุบัติเหตุตกลงมากระแทกพื้นจนปูนมีรอยแตกทำให้เห็นถึงเนื้อทองคำแท้อันงดงามนี้ได้ และต่อมาก็ได้มีการขุดคุ้ยดินใต้ฐานทับเกษตรออก จึงพบกุญแจกลสำหรับถอดองค์พระออกเป็นส่วนได้ 9 ส่วนด้วยกัน จึงสะดวกในการอัญเชิญองค์พระมาประดิษฐานไว้ยังพระวิหาร มีการตรวจสอบเนื้อทองขององค์พระ ปรากฏว่าเป็นทองเนื้อเจ็ด น้ำสองขา(มาตราทองคำของไทยโบราณ ซึ่งเป็นทองที่มีค่าของเนื้อทองรองจากทองนพคุณหรือทองเนื้อเก้า คิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้าน และภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เดินหาความรู้เกี่ยวกับองค์พระพุทธรูปทองคำด้วย
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปนมัสการพระพุทธรูปทองคำที่วัดไตรมิตรนั้นอย่าลืมหาโอกาสไปทำบุญเพื่อความเป็นศิริมงคลของตัวเองกันนะคะ
"วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร"ที่ตั้ง : ถ.มิตรภาพ (ตรีมิตร) ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100
เปิด : ทุกวัน 6.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟหัวสำโพงตรงมาทางถนนเยาวราช ข้ามสะพานแล้วเลี้ยวซ้าย มายังถนนมิตรภาพ (ตรีมิตร) วัดไตรมิตรจะอยู่ทางด้านขวามือ สามารถนำรถเข้ามาจอดได้ในวัดค่ะ
พิพิธภัณฑ์ในมณฑป |
พระพุทธรูปทองคำ |
ภาพประติมากรรมในพิพิธภัณฑ์ |
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปนมัสการพระพุทธรูปทองคำที่วัดไตรมิตรนั้นอย่าลืมหาโอกาสไปทำบุญเพื่อความเป็นศิริมงคลของตัวเองกันนะคะ
"วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร"ที่ตั้ง : ถ.มิตรภาพ (ตรีมิตร) ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100
เปิด : ทุกวัน 6.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟหัวสำโพงตรงมาทางถนนเยาวราช ข้ามสะพานแล้วเลี้ยวซ้าย มายังถนนมิตรภาพ (ตรีมิตร) วัดไตรมิตรจะอยู่ทางด้านขวามือ สามารถนำรถเข้ามาจอดได้ในวัดค่ะ
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554
พลาดไม่ได้! งานBonjour Bangkok 2011 งานมหกรรมสินค้าการกุศลฝรั่งเศส 3-4 กันยายน
ช่วงนี้นอกจากมหกรรมด้านการท่องเที่ยวที่จะจัดขึ้นในวันที่2-5 กันยายนนี้แล้ว เรายังมีงาน "มหกรรมสินค้าการกุศลฝรั่งเศส 3-4 กันยายน"
เป็นงานการกุศลเพื่อนำเงินขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลเนื่องในมหามงคลวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบพระชนมพรรษา ส่วนที่เหลือเพื่อกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาภาษาฝรั่งเศสสำหรับเยาวชน
Bonjour Bangkok 2011 จะจัดให้มีขึ้นในระหว่างวันเสาร์ที่ 3 และวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2544 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 ในงานนอกจากจะมีการออกร้านขายสินค้าหลากหลาย ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพทั้งของฝรั่งเศสและสินค้าไทย สินค้า OTOP น่าเลือกซื้อหาในราคาย่อมเยา ยังมีการแสดงจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆที่มีการเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศส ทั้งการขับร้อง การเต้นระบำแคน-แคน การแข่งขันตอบปัญหาภาษาฝรั่งเศส มุมจำลองศิลปินแบบฝรั่งเศสที่จะมาวาดรูปในบรรยากาศสบาย ๆ มีการสาธิตการทำอาหารและขนมฝรั่งเศสจากสถาบัน Vatel มหาวิทยาลัยศิลปากร มุมโหรหลากหลายทฤษฎีที่จะมาให้การทำนายดวงชะตา ตลอดงานมีการลุ้นรางวัลต่าง ๆ มากมาย
การแสดงไฮไลท์ของงานคือการที่มูลนิธิคีตาศิราวาทจะนำเพลงพระราชนิพนธ์ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสมาแสดงในงานนี้เป็นครั้งแรก โดยคุณเปรมิกา สุจริตกุล เป็นนักร้องรับเชิญขับขานเพลงพระราชนิพนธ์ที่แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสให้ในงานทั้งสองวัน นอกจากนี้ในวันเสาร์ที่ 3 กันยายน นักร้องเสียงดีมีคุณภาพ คุณมาลีวัลย์ เจมิน่า ที่นอกจากจะร้องเพลงให้ในงานแล้ว ยังจะมาเปิดใจถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ในเรื่องการสาธิตการทำอาหาร คุณพล ตัณฑเสถียร นักแสดงและเชฟชื่อดัง จะมาสาธิตการทำขนม
ฝรั่งเศสที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน
ใครอยากไปชมและซื้อสินค้า OTOP ก็ไปกันได้ ที่สำคัญงานนี้ไม่มีการเก็บค่าผ่านประตูนะจ๊ะ
เป็นงานการกุศลเพื่อนำเงินขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลเนื่องในมหามงคลวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบพระชนมพรรษา ส่วนที่เหลือเพื่อกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาภาษาฝรั่งเศสสำหรับเยาวชน
Bonjour Bangkok 2011 จะจัดให้มีขึ้นในระหว่างวันเสาร์ที่ 3 และวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2544 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 ในงานนอกจากจะมีการออกร้านขายสินค้าหลากหลาย ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพทั้งของฝรั่งเศสและสินค้าไทย สินค้า OTOP น่าเลือกซื้อหาในราคาย่อมเยา ยังมีการแสดงจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆที่มีการเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศส ทั้งการขับร้อง การเต้นระบำแคน-แคน การแข่งขันตอบปัญหาภาษาฝรั่งเศส มุมจำลองศิลปินแบบฝรั่งเศสที่จะมาวาดรูปในบรรยากาศสบาย ๆ มีการสาธิตการทำอาหารและขนมฝรั่งเศสจากสถาบัน Vatel มหาวิทยาลัยศิลปากร มุมโหรหลากหลายทฤษฎีที่จะมาให้การทำนายดวงชะตา ตลอดงานมีการลุ้นรางวัลต่าง ๆ มากมาย
การแสดงไฮไลท์ของงานคือการที่มูลนิธิคีตาศิราวาทจะนำเพลงพระราชนิพนธ์ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสมาแสดงในงานนี้เป็นครั้งแรก โดยคุณเปรมิกา สุจริตกุล เป็นนักร้องรับเชิญขับขานเพลงพระราชนิพนธ์ที่แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสให้ในงานทั้งสองวัน นอกจากนี้ในวันเสาร์ที่ 3 กันยายน นักร้องเสียงดีมีคุณภาพ คุณมาลีวัลย์ เจมิน่า ที่นอกจากจะร้องเพลงให้ในงานแล้ว ยังจะมาเปิดใจถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ในเรื่องการสาธิตการทำอาหาร คุณพล ตัณฑเสถียร นักแสดงและเชฟชื่อดัง จะมาสาธิตการทำขนม
ฝรั่งเศสที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน
ใครอยากไปชมและซื้อสินค้า OTOP ก็ไปกันได้ ที่สำคัญงานนี้ไม่มีการเก็บค่าผ่านประตูนะจ๊ะ
ห้ามพลาด! งานเที่ยวไทย ครั้งที่ 19, 2-5 ก.ย. 2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ช่วงนี้เห็นหลายๆคนวางแผนจะไปเที่ยวกัน ทั้งพี่ในที่ทำงานเองก็เห็นจะไปเที่ยวฮ่องกงกันหลายคน แล้วเพื่อนๆมีใครอยากไปเที่ยวไหนกันบ้างเอ่ย แต่เดี่๋ยวๆก่อน หากใครยังไม่ได้จองตั๋ว หรือหาบริษัททัวร์อยู่
วันนี้เรามีงานมหกรรมดีๆมานำเสนอ นั่นคือ " งานเที่ยวไทย ครั้งที่19 " จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 นี้ ภายในงานจะมีผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวมากกว่า 1000 ราย รวมแล้ว 1183 บูธ อาทิ โรงแรม รีสอร์ต สายการบิน บริษัททัวร์ รถเช่า สปา สถานบันเทิง เรือท่องเที่ยว ภัตตาคาร อุปกรณ์ท่องเที่ยว-เดินทาง แค้มปิ้ง ดำน้ำ สื่อท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าของฝากของที่ระลึกทั่วประเทศ ความคึกคักเต็มพื้นที่ศูนย์สิริกิติ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเตรียมแพ็คเกจทัวร์ที่พักทั่วไทยและทั่วโลก มาลดราคากระหน่ำ พร้อมกระตุ้นการช้อปด้วยการนำโปรโมชั่นดีๆ มาลดแลกแจกแถมพิเศษสำหรับงานนี้เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 500,000 คน และสร้างเงินสะพัดในงานได้มากกว่า 500 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินหมุนเวียนต่อเนื่องภายหลังการจัดงานอีกหลายร้อยล้านบาท
งานนี้เที่ยวครั้งเดียว ได้กันครบถ้วนนะคะเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น ความสนุก ความประหยัด แพคเกจราคาถูกใจ และบริษัททัวร์ที่น่าเชื่อถือ ผู้สนใจสามารถเที่ยวชมได้ในวันเวลาดังกล่าวข้างต้นนี้นะคะ
วันนี้เรามีงานมหกรรมดีๆมานำเสนอ นั่นคือ " งานเที่ยวไทย ครั้งที่19 " จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 นี้ ภายในงานจะมีผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวมากกว่า 1000 ราย รวมแล้ว 1183 บูธ อาทิ โรงแรม รีสอร์ต สายการบิน บริษัททัวร์ รถเช่า สปา สถานบันเทิง เรือท่องเที่ยว ภัตตาคาร อุปกรณ์ท่องเที่ยว-เดินทาง แค้มปิ้ง ดำน้ำ สื่อท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าของฝากของที่ระลึกทั่วประเทศ ความคึกคักเต็มพื้นที่ศูนย์สิริกิติ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเตรียมแพ็คเกจทัวร์ที่พักทั่วไทยและทั่วโลก มาลดราคากระหน่ำ พร้อมกระตุ้นการช้อปด้วยการนำโปรโมชั่นดีๆ มาลดแลกแจกแถมพิเศษสำหรับงานนี้เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 500,000 คน และสร้างเงินสะพัดในงานได้มากกว่า 500 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินหมุนเวียนต่อเนื่องภายหลังการจัดงานอีกหลายร้อยล้านบาท
งานนี้เที่ยวครั้งเดียว ได้กันครบถ้วนนะคะเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น ความสนุก ความประหยัด แพคเกจราคาถูกใจ และบริษัททัวร์ที่น่าเชื่อถือ ผู้สนใจสามารถเที่ยวชมได้ในวันเวลาดังกล่าวข้างต้นนี้นะคะ
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ถ้ำมรกต ถ้ำน้ำสีเขียวดุจมรกต...Unseen in Thailand
วันหยุดผ่านมาหลายคนอาจได้ไปพักผ่อนกันตามสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเที่ยวป่าเหนือ ลงทะเลใต้ หรือแม้แต่เที่ยวตามวัด โบราณสถานต่างๆภายในภาคกลางเอง คงทำให้ได้อิ่มเอิบกับวันหยุดยาวกันแล้วสินะ แต่วันนี้ทาง hotelthailand-travel ได้มีสถานที่ Unseen in Thailand มาฝากกันอีกเช่นเคยจ้า นั่นคือ "ถ้ำมรกต จ.ตรัง" นั่นเอง
"ถ้ำมรกต" เป็นถ้ำที่อยู่บนเกาะมุกต์ ในเขตอุทยานแห่งชาติเจ้าไหม จังหวัดตรัง เป็นถ้าที่มีความอัศจรรย์ เนื่องจากจะเข้าออกได้ในช่วงเวลาน้ำลงเท่านั้น โดยปากถ้ำจะเป็นโพรงเล็กๆ เมื่อจะเข้าไปต้องลอยคอในน้ำ แล้วลอดถ้ำอันมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งรอบข้างใดๆ ผ่านทางที่คดโค้งเป็นระยะทางประมาณ 80 เมตร สร้างความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ใครกลัวความมืดก็ได้วัดใจกันล่ะจ้า การเข้าถ้ำจะใช้การเรียงแถว 1 ลอยคอตามคนนำทางเข้าไป เมื่อพ้นปากถ้ำเราจะเห็นหาดทรายละเอียด สีขาว เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นท้องฟ้าสีคราม เนื่องจากภายในถ้ำจะมีช่องด้านบนที่ทะลุสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ และในนั้นจะมีหน้าผาสูงชันอยู่บริเวณโดยรอบ ทั้งยังมีต้นไม้ และดอกไม้ให้เห็นเป็นระยะๆ เนื่องจากปากถ้าที่ใช้ลอดเข้าสู่ถ้ำมรกตนั้นจะอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเกาะ ดังนั้นเมื่อแสงอาทิตย์ทอดทำมุมพอเหมาะกับเกาะ จะทำให้เวิ้งของถ้ำกลายเป็นสีเขียวมรกต งดงามเป็นอย่างยิ่ง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกตคือ ช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ในแต่ละวัน เนื่องจากจะเห็นน้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกต และเวลาที่แสงอาทิตย์ทอดส่องลอดปากถ้ำลงมา คือระหว่างเวลา 10.00 - 14.00 น. และช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวคือ ระหว่างเดือนธันวาคม - เดือนพฤษภาคม
ถ้ำมรกตเป็นถ้ำธรรมดาที่ไม่แตกต่างจากถ้ำอื่นมากนัก แต่เหตุใดที่ถ้ำแห่งนี้สร้างความน่าตื่นตา ตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและยังเป็น Unseen in Thailand ได้นั้น เราต้องไปพิสูจน์เพื่อให้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆที่ได้รับฟังมา ถึงจะสามารถเข้าใจได้ อย่าลืมไปเที่ยวกันให้ได้นะจ๊ะ ชาว hotelthailand-travel ทุกคน
ภาพประกอบจาก ททท.
"ถ้ำมรกต" เป็นถ้ำที่อยู่บนเกาะมุกต์ ในเขตอุทยานแห่งชาติเจ้าไหม จังหวัดตรัง เป็นถ้าที่มีความอัศจรรย์ เนื่องจากจะเข้าออกได้ในช่วงเวลาน้ำลงเท่านั้น โดยปากถ้ำจะเป็นโพรงเล็กๆ เมื่อจะเข้าไปต้องลอยคอในน้ำ แล้วลอดถ้ำอันมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งรอบข้างใดๆ ผ่านทางที่คดโค้งเป็นระยะทางประมาณ 80 เมตร สร้างความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ใครกลัวความมืดก็ได้วัดใจกันล่ะจ้า การเข้าถ้ำจะใช้การเรียงแถว 1 ลอยคอตามคนนำทางเข้าไป เมื่อพ้นปากถ้ำเราจะเห็นหาดทรายละเอียด สีขาว เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นท้องฟ้าสีคราม เนื่องจากภายในถ้ำจะมีช่องด้านบนที่ทะลุสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ และในนั้นจะมีหน้าผาสูงชันอยู่บริเวณโดยรอบ ทั้งยังมีต้นไม้ และดอกไม้ให้เห็นเป็นระยะๆ เนื่องจากปากถ้าที่ใช้ลอดเข้าสู่ถ้ำมรกตนั้นจะอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเกาะ ดังนั้นเมื่อแสงอาทิตย์ทอดทำมุมพอเหมาะกับเกาะ จะทำให้เวิ้งของถ้ำกลายเป็นสีเขียวมรกต งดงามเป็นอย่างยิ่ง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกตคือ ช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ในแต่ละวัน เนื่องจากจะเห็นน้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกต และเวลาที่แสงอาทิตย์ทอดส่องลอดปากถ้ำลงมา คือระหว่างเวลา 10.00 - 14.00 น. และช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวคือ ระหว่างเดือนธันวาคม - เดือนพฤษภาคม
ถ้ำมรกตเป็นถ้ำธรรมดาที่ไม่แตกต่างจากถ้ำอื่นมากนัก แต่เหตุใดที่ถ้ำแห่งนี้สร้างความน่าตื่นตา ตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและยังเป็น Unseen in Thailand ได้นั้น เราต้องไปพิสูจน์เพื่อให้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆที่ได้รับฟังมา ถึงจะสามารถเข้าใจได้ อย่าลืมไปเที่ยวกันให้ได้นะจ๊ะ ชาว hotelthailand-travel ทุกคน
ภาพประกอบจาก ททท.
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ทำบุญโรงศพกัน..ที่วัดหัวลำโพง
สวัสดีเพื่อนๆนะคะ ช่วงนี้ก็ย่างเข้าใกล้วันแม่ขึ้นทุกที เพื่อนมีใครไปทำบุญกันที่ไหนบ้างคะ แน่นอนล่ะว่านอกจากตักบาตรแล้วอาจมีทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลากันด้วย และวันนี้ทาง hotelthailand-travel ก็มีกิจกรรมงานบุญดีๆที่ให้เราได้ทำกันง่ายๆ ได้เที่ยวในบริเวณรอบๆ และแถมยังได้บุญกลับบ้านด้วย นั่นคือ กิจกรรมการทำบุญโรงศพที่วัดหัวลำโพง
วัดหัวลำโพงเป็นวัดยอดนิยมที่มีคนหลั่งไหลมาทำบุญถวายโรงศพกันไม่ขาดสาย การทำบุญถวายโรงศพนั้นเป็นอานิสงอย่างหนึ่งที่เราสามารถทำกันได้ง่าย และสามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวก โดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีสามย่าน และออกทางออกสู่วัดหัวลำโพงค่ะ หรือหากสะดวกมารถเมลล์ ก็สามารถใช้บริการรถประจำทางได้ คือรถเมลล์ธรรมดา และรถเมลล์ปรับอากาศ
รถเมลล์ธรรมดา : 4, 21, 25, 34, 40, 46, 67, 73, 109, 113
รถปรับอากาศ : ปอ4, ปอ17, ปอ29, ปอ67
เมื่อเรามาถึงที่วัดหัวลำโพงแล้วก็ให้ไปที่โต๊ะเพื่อเขียนใบสีชมพู ซึ่งมีไว้สำหรับเขียนชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิดของเรา เมื่อเสร็จแล้วก็จ่ายเงินและเดินเอาไปติดที่โรงศพและทำบุญต่างๆตามขั้นตอนที่เค้าได้แนะนำไว้ ซึ่งจะมีคนมาทำกันเป็นประจำ โดยในการจุดธูปนั้นจะจุดกันจำนวน 20 ดอก ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดถึงใช้ธูปจำนวนถึง 20 ดอก
การทำบุญโรงศพนั้นได้บุญกุศลไม่น้อยไปกว่าการทำบุญอย่างอื่น หากเพื่อนๆมีเวลาว่าง ก็ให้แวะมาทำบุญที่วัดหัวลำโพงกันได้นะจ๊ะ
วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554
เที่ยวเขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) กุ้ยหลินแห่งเมืองไทย
วันหยุดต่อเนื่องหลายวันที่จะมาถึงนี้ เพื่อนๆมีทริป หรือวางโครงการที่จะไปเที่ยวที่ไหนในเมืองไทยกันบ้างแล้วหรือยัง ถ้ายังวันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งมานำเสนอ รับรองว่าถูกใจคนชอบเที่ยวทางธรรมชาติ และพักผ่อนไปกับสายน้ำกันได้ที่ เขื่อนรัชชประภา กุ้ยหลินเมืองไทย
เขื่อนรัชชประภา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่น ที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก เหตุที่เรียกเขื่อนรัชชประภาว่าเป็น "กุ้ยหลินเมืองไทย" นั้นเพราะว่าเขื่อนรัชชประภามีภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกับเมืองกุ้ยหลินของเมืองจีน นั่นคือมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่สูงชัน ถูกล้อมรอบไปด้วยผืนน้ำอันกว้างใหญ่ น้ำมีความลึกเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีตะไคร่น้ำอยู่เบื้องล่าง จึงทำให้สีของน้ำ มีลักษณะเป็นดั่งสีเข้มของมรกต จนทำให้นักท่องเที่ยวหลายคน หลงเข้าใจผิดคิดว่าน้ำที่เห็นเป็นน้ำทะเล ซึ่งจริงๆแล้วเป็นน้ำจืดธรรมดาภายในเขื่อนรัชชประภานี่เอง
เขื่อนรัชชประภามีทัศนียภาพที่สวยงาม จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมีความประทับใจกันทุกคน นอกจากนี้ในพื้นที่โดยรอบของเขื่อนยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก อาทิเช่น ถ้ำน้ำทะลุ เป็นถ้ำที่มีลำธารไหผ่านและต้องเดินป่าเข้าไปเพื่อชมถ้ำแห่งนี้ โดยเส้นทางมีบรรยากาศที่ร่มรื่น และใช้ระยะทางในการเดินไม่ไกลนัก ทั้งเส้นทางในการเดินก็ไม่ลำบากมาก
ต่อมา ถ้ำปะการังก็เป็นอีกถ้ำหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากมีการเข้าถึงได้สะดวก ไม่ต้องเดินทางไกลเหมือนกับถ้ำน้ำทะลุ ที่ต้องอาศัยการเดินป่า ไต่ความสูงขึ้นไป และมี จุดชมวิว ที่เมื่อมองลงมาจากจุดชมวิวจะเห็นเกาะแก่งน้อยใหญ่ ที่รายรอบอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำ ช่วยให้เราเพลิดเพลินกับวิวที่ได้เห็น จนลืมความเหน็ดเหนื่อยไปเลย
เขื่อนรัชชประภาเป็นที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง ที่คนรักธรรมชาติต้องหาโอกาศไปเที่ยว และพักผ่อนไปกับธรรมชาติให้ได้ความสุนทรี และผ่อนคลายไปกับสายน้ำสีมรกต อาจทำให้เพื่อนๆหายเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ได้ อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวกันนะจ๊ะ
ที่พักบริเณเขื่อนเชี่ยวหลาน |
ถ้ำน้ำทะลุ |
ถ้ำปะการัง |
เขื่อนรัชชประภาเป็นที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง ที่คนรักธรรมชาติต้องหาโอกาศไปเที่ยว และพักผ่อนไปกับธรรมชาติให้ได้ความสุนทรี และผ่อนคลายไปกับสายน้ำสีมรกต อาจทำให้เพื่อนๆหายเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ได้ อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวกันนะจ๊ะ
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554
กฏและข้อห้ามในการเข้าเยี่ยมชมวัดพระแก้ว
ทักทายเพื่อนๆชาว hotelsthailand-travel ทุกคนจ้า จากหัวข้อก่อนที่ได้นำความรู้เกี่ยวกับการเข้าเยี่ยมชมวัดพระแก้วแล้ว วันนี้เราจะนำความรู้เกี่ยวกับกฏและข้อห้ามในการเข้าเยี่ยมชมมาฝากกันบ้าง
กฏและข้อห้ามมีดังต่อไปนี้
1. ไม่ควรใช้แฟลชในการถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังที่พระระเบียง เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับภาพจิตกรรมได้
2. ภายในอาคารอื่นทั้งหมดโดยเฉพาะพระอุโบสถ ห้ามถ่ายภาพอย่างเด็ดขาด ฝ่าฝืนมีโทษปรับ และยึดสื่อบันทึก
3. การเข้าชมเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ต้องทำหนังสือขออนุญาต ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารเงินตรา ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์
4. ห้ามสวมกางเกงหรือกระโปรง ที่มีชายสูงกว่าเข่าทุกชนิด เสื้อที่เปิดไหล่ทุกชนิด อาทิ เสื้อกล้าม เสื้อไม่มีแขน เกาะอก เป็นต้น และกางเกนยีนส์ขาดๆ
5. ห้ามสวมรองเท้าที่เปิดส้น รองเท้าแตะ และรองเท้าอื่นๆที่ไม่สุภาพทุกประเภท
6. ไม่ควรส่งเสียงดังในขณะเข้าชม และไม่ทิ้งขยะให้สกปรกภายในบริเวณวัด
เมื่อรู้ข้อห้ามและข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้ว เพื่อนๆทุกคนก็ควรปฏิบัติตาม และเข้าเยี่ยมชมกันอย่างมีระเบียบ เพื่อที่จะสามารถช่วยกันเก็บรักษาสถานที่อันสวยงาม และน่าศรัทธา ไว้ให้คนอื่นๆได้มาเยี่ยมชม และเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับเมืองไทยของเรานะจ๊ะ
กฏและข้อห้ามมีดังต่อไปนี้
1. ไม่ควรใช้แฟลชในการถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังที่พระระเบียง เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับภาพจิตกรรมได้
2. ภายในอาคารอื่นทั้งหมดโดยเฉพาะพระอุโบสถ ห้ามถ่ายภาพอย่างเด็ดขาด ฝ่าฝืนมีโทษปรับ และยึดสื่อบันทึก
3. การเข้าชมเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ต้องทำหนังสือขออนุญาต ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารเงินตรา ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์
4. ห้ามสวมกางเกงหรือกระโปรง ที่มีชายสูงกว่าเข่าทุกชนิด เสื้อที่เปิดไหล่ทุกชนิด อาทิ เสื้อกล้าม เสื้อไม่มีแขน เกาะอก เป็นต้น และกางเกนยีนส์ขาดๆ
5. ห้ามสวมรองเท้าที่เปิดส้น รองเท้าแตะ และรองเท้าอื่นๆที่ไม่สุภาพทุกประเภท
6. ไม่ควรส่งเสียงดังในขณะเข้าชม และไม่ทิ้งขยะให้สกปรกภายในบริเวณวัด
เมื่อรู้ข้อห้ามและข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้ว เพื่อนๆทุกคนก็ควรปฏิบัติตาม และเข้าเยี่ยมชมกันอย่างมีระเบียบ เพื่อที่จะสามารถช่วยกันเก็บรักษาสถานที่อันสวยงาม และน่าศรัทธา ไว้ให้คนอื่นๆได้มาเยี่ยมชม และเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับเมืองไทยของเรานะจ๊ะ
วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554
เที่ยวที่ไหนให้สุขใจใน 1 วัน
ทักทายเพื่อนๆกันในวันเริ่มต้นทำงาน อีกไม่กี่วันก็จะได้ถึงวันหยุดยาวแล้ว แต่ช่วงสัปดาห์ระหว่างก่อนถึงวันหยุดนั้น หากใครอยากเที่ยวแบบชิวๆ ให้สุขกายสบายใจภายใน 1 วัน เรามีสถานที่อันน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งมาเสนอเพื่อนๆกัน นั่นคือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เป็นวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ภายในไม่มีพระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษา รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระบรมมหาราชวังและกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นการสร้างวัดในพระราชวังตามอย่างวัดพระศรีสรรเพชญ์ของกรุงศรีอยุธยา ภายในมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วย 3 ส่วน คือส่วนแรกเป็นวัดพระแก้วมรกต ส่วนของระเบียงที่ลดหลั่นกันลงไป และส่วนของหมู่ตึกทางทิศเหนือ
สิ่งที่น่าสนใจและต้องเข้าชม ได้แก่
1. พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เป็นพระประทับนั่งอย่างสมาธิราบในสกุลช่างล้านนา ประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งรัชกาลที่ 1 ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทร์
2. นครวัดจำลอง รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้พระสามภพพ่ายสร้างขึ้น โดยจำลองแบบจากปราสาทหินนครวัดของกัมพูชา เมื่อถึงในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ด้วยปูน เพื่อฉลองพระนครครบรอบ 100 ปี
3. ปราสาทพระเทพบิดร เดิมเรียก “พุทธปรางค์ปราสาทเป็นปราสาทยอดปรางจัตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 1-8 เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมรูปในวันจักรี ( 6 เม.ย. ) ของทุกปี
4. พระมณฑป ตั้งอยู่ทางด้านหลังปราสาทพระเทพบิดรสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในมีตู้เก็บพระไตรปิฏกทรงมณฑปประดับมุกฝีมือประณีตงดงาม
พระระเบียง เปรียบเสมือนกำแพงวัด ผนังด้านในเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่เสาระเบียงจะมีโคลงอธิบายภาพจารึกบนแผ่นศิลาติดอยู่
พระศรีรัตนเจดีย์สร้างขึ้นตามแบบเจดีย์ดพระศรีสรรเพชญ์สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของพระมณฑป ภายในมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
5. พระอัษฏามหาเจดีย์ บริเวณด้านหน้าพระอาราม สร้างสมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อถวายแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ภายนอกระเบียง 6 องค์ภายในระเบียง 2 องค์มีชื่อประจำทุกองค์
6. ยักษ์ทวารบาล ตั้งเรียงรายที่ช่องประตูพระระเบียงมีคู่เป็นยักษ์ตัวเอกจากเรื่องรามเกียรติ์ แต่ละตนต่างมีชื่อประจำตัว สร้างด้วยปูนปั้นทาสีและประดับกระเบื้องเคลือบ
หอพระคันธารราษฏร์ที่มุมระเบียงด้านตะวันออกเป็นประดิษฐานพระพุทธคันธารราษฏร์ ซึ่งเป็นพระประธานในพิธีพิรุณศาสตร์ละพระราชพิธีพืชมงคล ภายในหอมีภาพเขียนเกี่ยวกับฝนในแต่ละฤดูและฝนโบกขรณีฝีมือขรัวอินโข่ง
7. หอพระราชกรมานุสร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ34 องค์ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างเป็นพระราชอุทิศถวายแด่พระมหากษัตริย์ในกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี
8. หอพระราชพงศานุสร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ฝาผนังมีภาพจิตรกรรมพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฝีมือขรัวอินโข่ง
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา วางประดับเรียงรายอยู่โดยรอบ
9. หอพระนาก อยู่ด้านหลังวิหารยอด เป็นอาคารทรงไทยหลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิพระบรมวงศ์
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา วางประดับเรียงรายอยู่โดยรอบ
ทั้งหมดนี้เราสามารถเที่ยวชมได้ในบริเวณวัด ซึ่งทำให้เราได้ความรู้และชมความสวยงามของศิลปะอันประณีตของคนไทย ที่ได้ถ่ายทอดไว้ให้ชนรุ่นหลังอย่างเราได้ดูกัน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือเราได้สักการะพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเราด้วย เห็นมั๊ยล่ะ ได้เที่ยวแล้วยังสุขกาย สบายใจอีกด้วย
รถประจำทาง: 1 3 6 9 15 19 25 30 32 33 39 43 44 47 53 59 60 64 65 70 80 82 91 123 201 203
รถปรับอากาศ: 1 8 25 38 39 44 506 507 512
ท่าเรือ: เรือด่วนเจ้าพระยา: ท่าช้าง
ทำการ: ทุกวัน 08.30-15.30 น.
ค่าธรรมเนียม-ค่าเข้าชม: ชาวต่างชาติ 250 บาท
ที่มา : board.palungjit.com/
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เป็นวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ภายในไม่มีพระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษา รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระบรมมหาราชวังและกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นการสร้างวัดในพระราชวังตามอย่างวัดพระศรีสรรเพชญ์ของกรุงศรีอยุธยา ภายในมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วย 3 ส่วน คือส่วนแรกเป็นวัดพระแก้วมรกต ส่วนของระเบียงที่ลดหลั่นกันลงไป และส่วนของหมู่ตึกทางทิศเหนือ
สิ่งที่น่าสนใจและต้องเข้าชม ได้แก่
1. พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เป็นพระประทับนั่งอย่างสมาธิราบในสกุลช่างล้านนา ประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งรัชกาลที่ 1 ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทร์
2. นครวัดจำลอง รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้พระสามภพพ่ายสร้างขึ้น โดยจำลองแบบจากปราสาทหินนครวัดของกัมพูชา เมื่อถึงในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ด้วยปูน เพื่อฉลองพระนครครบรอบ 100 ปี
3. ปราสาทพระเทพบิดร เดิมเรียก “พุทธปรางค์ปราสาทเป็นปราสาทยอดปรางจัตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 1-8 เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมรูปในวันจักรี ( 6 เม.ย. ) ของทุกปี
4. พระมณฑป ตั้งอยู่ทางด้านหลังปราสาทพระเทพบิดรสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในมีตู้เก็บพระไตรปิฏกทรงมณฑปประดับมุกฝีมือประณีตงดงาม
พระระเบียง เปรียบเสมือนกำแพงวัด ผนังด้านในเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่เสาระเบียงจะมีโคลงอธิบายภาพจารึกบนแผ่นศิลาติดอยู่
พระศรีรัตนเจดีย์สร้างขึ้นตามแบบเจดีย์ดพระศรีสรรเพชญ์สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของพระมณฑป ภายในมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
5. พระอัษฏามหาเจดีย์ บริเวณด้านหน้าพระอาราม สร้างสมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อถวายแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ภายนอกระเบียง 6 องค์ภายในระเบียง 2 องค์มีชื่อประจำทุกองค์
6. ยักษ์ทวารบาล ตั้งเรียงรายที่ช่องประตูพระระเบียงมีคู่เป็นยักษ์ตัวเอกจากเรื่องรามเกียรติ์ แต่ละตนต่างมีชื่อประจำตัว สร้างด้วยปูนปั้นทาสีและประดับกระเบื้องเคลือบ
หอพระคันธารราษฏร์ที่มุมระเบียงด้านตะวันออกเป็นประดิษฐานพระพุทธคันธารราษฏร์ ซึ่งเป็นพระประธานในพิธีพิรุณศาสตร์ละพระราชพิธีพืชมงคล ภายในหอมีภาพเขียนเกี่ยวกับฝนในแต่ละฤดูและฝนโบกขรณีฝีมือขรัวอินโข่ง
7. หอพระราชกรมานุสร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ34 องค์ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างเป็นพระราชอุทิศถวายแด่พระมหากษัตริย์ในกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี
8. หอพระราชพงศานุสร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ฝาผนังมีภาพจิตรกรรมพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฝีมือขรัวอินโข่ง
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา วางประดับเรียงรายอยู่โดยรอบ
9. หอพระนาก อยู่ด้านหลังวิหารยอด เป็นอาคารทรงไทยหลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิพระบรมวงศ์
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา วางประดับเรียงรายอยู่โดยรอบ
ทั้งหมดนี้เราสามารถเที่ยวชมได้ในบริเวณวัด ซึ่งทำให้เราได้ความรู้และชมความสวยงามของศิลปะอันประณีตของคนไทย ที่ได้ถ่ายทอดไว้ให้ชนรุ่นหลังอย่างเราได้ดูกัน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือเราได้สักการะพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเราด้วย เห็นมั๊ยล่ะ ได้เที่ยวแล้วยังสุขกาย สบายใจอีกด้วย
รถประจำทาง: 1 3 6 9 15 19 25 30 32 33 39 43 44 47 53 59 60 64 65 70 80 82 91 123 201 203
รถปรับอากาศ: 1 8 25 38 39 44 506 507 512
ท่าเรือ: เรือด่วนเจ้าพระยา: ท่าช้าง
ทำการ: ทุกวัน 08.30-15.30 น.
ค่าธรรมเนียม-ค่าเข้าชม: ชาวต่างชาติ 250 บาท
ที่มา : board.palungjit.com/
วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
10 สถานที่ฮันนีมูนในเมืองไทย! (เที่ยวหน้าฝนกับคนรู้ใจ 2)
1. Anantara Resort And Spa Golden Triangle เชียงราย : รีสอร์ททางเหนือระดับ 5 ดาว ใกล้เมืองเชียงแสนถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาและธรรมชาติที่สวยงาม มองลงไปเบื้องล่างนั้นเป็นทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำโขง ตัดกับภูเขาตั้งสูงสง่าจากฝั่งพม่าและลาว ห้องพักมีความกว้างขวาง ได้รับการตกแต่งในสไตล์ล้านนาประยุกต์ ทั้งยังมีระเบียงที่กว้างขวาง ให้คุณและคนรักได้ชมทัศนียภาพกันอย่างเพลิดเพลิน และอิ่มอกอิ่มใจกับบรรยากาศที่เป็นใจให้กับการสวีทหวานระหว่างคุณ ในขณะที่นั่งรับประทานอาหารด้วยกันที่ด้านนอก และมอบความเพลิดเพลินให้คุณด้วยห้องน้ำที่เปิดโล่งสามารถชมวิวด้านนอกริมฝั่งแม่น้ำโขงได้อีกด้วย
2. Tamarind Village เชียงใหม่ : เป็นรีสอร์ทสไตล์บูติคขนาด 40 ห้องพัก สร้างอยู่ใจกลางกรุงเก่าของเมืองเชียงใหม่ ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นหมู่บ้าน ล้อมรอบด้วยสวนคอร์ทยาร์ด ตรงกลางมีต้นมะขามขนาดใหญ่อายุกว่า 200 ปี อันเป็นสัญลักษณ์ประจำของรีสอร์ท ช่วยให้สัมผัสบรรยากาศแบบล้านนา และพักผ่อนท่ามกลางความเงียบสงบในช่วงฮันนีมูน ช่วยให้ได้ความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง
3. มันนอกรีสอร์ท : สถานที่ฮันนีมูนสุดฮิตของคู่ข้าวใหม่ปลามัน มักหนีไม่พ้นเกาะสวยสงบงาม มีเพียงหาดทราย สายลม สองเรา มันนอกรีสอร์ทจึงเป็นคำตอบสำหรับทุกความฝันข้างต้น ห้องพักที่นี่ถูกออกแบบได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ และยังคงไว้ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังจำกัดจำนวนห้องพักไว้อย่างพอเหมาะ และมีนโยบายรักษาความสงบของผู้มาเยือนเป็นสำคัญ หมดห่วงเรื่องผู้คนพลุกพล่าน ทำลายความเป็นส่วนตัวของคุณไปได้เลย
4. Belle Villa เมืองปาย แม่ฮ่องสอน : เส้น ทางสู่เมืองปายค่อนข้างลำบาก แต่สำหรับคู่รักที่ชอบธรรมชาติน่าจะถือโอการสมาเยือนปายสักครั้ง ที่ Belle Villa บูติกรีสอร์ทแห่งนี้ เตรียมความประทับใจในช่วงฮันนีมูนของคุณไว้ด้วยบ้านพักแบบ Deluxe Cottage ท่ามกลาวทิวเขาสีเขียวสลับซับซ้อน ยามเช้าเหมาะแก่การตื่นมาชมทะเลหมอกด้วยกัน ส่วนกลางวันก็ไปนั่งชมบรรยากาศแสนโรแมนติกในร้านกาแฟ แนะนำว่าควรมาฮันนีมูนช่วงหน้าหนาว เพราะเมื่อความเย็นสัมผัสผิวกาย เป็นใครก็คงอดใจหันไปกอดกับหวานใจข้าง ๆ ไม่ได้แน่
5. บ้านพักตากอากาศ By the Sea ตราด : สุด ปลายแผ่นดินตะวันออกคือท้องทะเลเงียบสงบของจังหวัดตราด เป็นที่ตั้งของบ้านพักตากอากาศจำนวน 11 หลังเรียงรายรอบประภาคารสูง โทนหลักในการตกแต่งของที่นี่เป็นสีฟ้า - ขาว เมื่อรวมเข้ากับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับทะเล ทำให้รู้สึกถึงความสงบเงียบและเรียบง่าย เป็นส่วนตัว โดยเฉพาะชั้นบนสุดของประภาคารเป็นห้องกระจกแหดเหลี่ยมขนาดใหญ่ เหมาะมากแก่การใช้ชีวิตช่วงฮันนีมูนกันแค่สองคน นั่งชมวิวได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จนคุณและเขาอยากจะอยู่ที่นี่ไปอีกนาน
จะเห็นได้ว่า 5 สถานที่ในครั้งนี้จะเป็นภาคเหนือ และตะวันออก เนื่องจากครั้งก่อนได้นำสถานที่ทางภาคใต้เป็นส่วนใหญ่มาแนะนำกัน เอาเป็นว่าเพื่อนๆชอบบรรยากาศแบบไหนก็ลองๆดูกันนะจ๊ะ ขอให้มีความสุขกับการฮันนีมูนน๊า
10 สถานที่ฮันนีมูนในเมืองไทย! (เที่ยวหน้าฝนกับคนรู้ใจ)
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เริ่มต้นเดือนใหม่กันอีกไม่กี่วัน เป็นเดือนแห่งวันแม่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีวันมงคลให้ได้เห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว จูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์กันหลายคู่ จึงมีความคิดที่อยากนำสถานที่เหมาะกับการฮันนีมูนหน้าฝน ให้ได้ชุ่มฉ่ำหัวใจกันไปเลย พูดแล้วก็อิจฉาว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนะคะ งั้นเรามาเริ่มกันเลยค่ะ
1. รายาวดีรีสอร์ท กระบี่ : ท่ามกลางความเงียบสงบ บรรยากาศผ่อนคลายบวกกับสีของท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายสีขาวซึ่งเป็นหาดส่วนตัวในอ่าวพระนาง ทำให้บรรยากาศลงตัว เป็นสถานที่อันเพอร์เฟ็คเป็นที่สุดกับคู่บ่าวสาวที่มาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เมื่อก้าวลงมายังหาดทรายสีขาว จะรู้สึกได้ถึงความเป็นส่วนตัว และสัมผัสถึงธรรมชาติโดยรอบอันมีทิวต้นมะพร้าวยืนต้นอยู่เรียงราย ดั่งกับมาแสดงความยินดีในชีวิตคู่ ทั้งสถาปัตยกรรมการออกแบบทรอปิคอล ให้อารมณ์ความเป็นไทยในสไตล์หรูหรายิ่ง เห็นแล้วอยากไปสักครั้งในชีวิต แต่ดูราคาแล้ว โอ้! หาเจ้าบ่าวให้ได้ก่อนดีกว่า
2. บันยันทรี ภูเก็ต : แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องมีดีด้านสปาแน่นอน เพราะที่นี่ติดอันดับสปาที่ยอดเยี่ยม 20 อันดับระดับโลกเชียว โดยมีแพคเกจ Heavenly Honeymoon เตรียมไว้สำหรับคู่รักโดยเฉพาะ โปรแกรมเด็ด Intimate Moments เป็นการอาบน้ำแนวสปา ซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเย็นของดอกมะลิ และลาเวนเดอร์ภายในห้องนอนที่ตกแต่งด้วยเทียนหอม น้ำมันหอม และดอกไม้ เคล้าเสียงเพลงเบาสบายเพื่อผ่อนคลายขณะอาบน้ำด้วยกัน ว้าว! อะไรจะโรแมนติกสุดๆขนาดนั้น ต้องไปให้ได้เช่นกัน
3. The Chedi ภูเก็ต : สถานที่แห่งนี้การันตีได้ในด้านการตกแต่งแบบโรงแรมชั้นนำระดับโลกทีเดียว ในตัวรีสอร์ทมีหาดเป็นส่วนตัว โอบล้อมด้วยแนวทิวต้นมะพร้าวที่ยืนต้นตามสันเขาเรียงรายไล่ระดับกันลงมา บรรจบกันที่หาดทรายสีขาว รีสอร์ทมีกระท่อมทั้งหมด 108 หลัง ซึ่งถูกออกแบบให้มีระเบียงยื่นหันหน้าเข้าสู่ชายหาด สามารถชมวิวทะเลได้ทุกห้อง และได้ยินเสียงคลื่นซัดมาเกยชายหาด ได้บรรยากาศในการนอนจนคุณและคนรัก ไม่อยากจะตื่นจากความโรแมนติกนี้เลยเชียวล่ะ
4. เมืองกุเรปัน เกาะสมุย : ได้ยินชื่อแล้วรู้สึกคุ้นหูใช่มั๊ย ก็ชื่อกุเรปันนั้นมาจากวรรณคดีเรื่อง อิเหนา ซึ่งสถาปนิคผู้ออกแบบนั้นได้แรงบันดาลใจ สรรสร้างให้ได้บรรยากาศสุดโรแมนติกเฉกเช่นดั่งอยู่ในวรรณกรรมเรื่องอิเหนาซะเอง เพราะไม่ว่าจะเป็นชื่อโรงแรม บรรยากาศ ชื่อห้อง ตลอดถึงการตกแต่งก็อิงจากเรื่องนี้ทั้งสิ้น ซึ่งคุณสามารถเลือกห้องพักได้จากห้องขนาดกลาง ชื่อฮันนีมูนอิเหนา หรือ ฮันนีมูนดีลักซ์ และล่าสุดมีห้องที่สรรสร้างขึ้นใหม่คือห้อง ประเสบันอากง และ เรือนหลวง ซึ่งเมื่อพักในห้องก็ยังสามารถมองเห็นวิวของท้องทะเลได้แบบพาโนรามาเลยทีเดียว
5. The Evason Resort & Spa หัวหิน : ท่ามกลางพื้นที่กว่าสิบไร่ของรีสอร์ทแห่งนี้ ถูกล้อมรอบด้วยสวนทรอปิคัลที่มีอาณาเขตกว้างขวาง มีทั้งต้นไม้ สระบัวและธารน้ำไหลไปจรดยังอ่าวไทย ห้องพักตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทน ดูสบายตากลมกลืนกับธรรมชาติ ดดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้องPool Villa เป็นห้องที่เหมาะในการฮันนีมูนเพราะมีสระว่ายน้ำ และอ่างอาบน้ำกลางสวนส่วนตัว และล้อมรอบด้วยสระบัวอีก1 ชั้น ทำให้คุณและหวานใจลืมสิ่งแวดล้อมอื่นๆโดยรอบเพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับบรรยากาศในห้องและสวนส่วนตัวในขณะที่อยู่ในอ่างกับคนรู้ใจของคุณ
สำหรับหน้านี้ขอนำเสนอสถานที่ฮันนีมูนเพียง 5 ที่ให้ได้พิจารณากันก่อน แล้วจะมานำเสนออีก 5 ที่ในครั้งต่อไป ขอให้คู่รักเพลิดเพลินในการฮันนีมูนนะคะ
วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
เทศกาลทุ่งดอกกระเจียว เที่ยวหน้าฝน
สวัสดีเพื่อนๆชาว hotelsthailand-travel จ้า ช่วงนี้ได้วางแพลนเที่ยวไหนกันรึยัง ถ้ายังไม่มี วันนี้เรามีตัวเลือกที่สวยงามอีกที่หนึ่งมานำเสนอ นั่นคือ ทุ่งดอกกระเจียว ที่จังหวัดชัยภูมินั่นเอง ซึ่งช่วงนี้ได้มีการจัดเป็นเทศการแห่งการท่องเที่ยวของตัวจังหวัดด้วย
กิจกรรมมากมายในเทศกาลนี้ อาทิ ขบวนแห่กระเจียวคืนทุ่ง การแสดงดนตรีจากนักเรียนของอำเภอเทพสถิต การแข่งขันเดินเพื่อการกุศล ชมสวนหินงามป่าหินล้านปีที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ตามธรรมชาติปั้นแต่งตามแต่จะสุดจินตนาการ การแสดงและจำหน่ายสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยภูมิ อีกทั้งทุ่งดอกกระเจียวสีขาว สีเขียวและสีชมพูอมม่วง น้ำตกไทรทอง และจุดชมวิวผาหำหดของอุทยานแห่งชาติไทรทอง ก็เป็นอีกสถานที่ที่รอการมาเยือนของนักท่องเที่ยวให้เดินทางท่องเที่ยว ด้วยหัวใจใหม่ อันจะส่งผลให้การท่องเที่ยวของจังหวัดชัยภูมิยั่งยืนได้
เวลาในการเที่ยวชมยังมีอยู่จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น ว่างๆก็หาโอกาสไปสูดบรรยากาศดีๆ รับโอโซน และผ่อนคลายไปกับธรรมชาติทุ่งดอกกระเจียวกันให้ได้นะคะ
นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่:
ประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์ 0 4482 2502
ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
โทรศัพท์ 0 4481 1376
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์ 0 4481 1218
หอการค้าจังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์ 0 4481 1511
ททท.สำนักงานนครราชสีมา โทรศัพท์ 0 4421 3030, 0 4421 3666 ทุกวันในเวลาราชการ
ข้อมูลจากsanook.com
วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
โรงแรมแนะนำเมื่อเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะคะ วันก่อนได้แนะนำสถานที่เที่ยวของสุราษฎร์ธานีไปนั่นคือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองนั่นเอง แต่เรามีที่เที่ยวแล้ววันนี้เลยมานำเสนอที่พักดีๆระดับ 4 ดาวให้เพื่อนๆได้ชมกัน นั่นคือ โรงแรมโคโคนัท วิลล่า รีสอร์ท (จำชื่อกันดีๆล่ะ) เผื่อใครสนใจใช้บริการจะได้เก็บข้อมูลได้จ้า
โรงแรมโคโคนัท วิลล่า รีสอร์ท ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะสมุยเป็นรงแรมที่บรรยากาศดีเยี่ยม อยู่ห่างไกลจากความแออัดของผู้คน เหมาะสำหรับผู้ที่อยากพักผ่อนอย่างแท้จริง ตัวโรงแรมมีลักษณะเป็นตึก 2 ชั้น จำนวน 2 ตึกตั้งเรียงขนานหันหน้าเข้าหากัน โดยมีสระว่ายน้ำกั้นกลาง โดยห้องจะมี 2 แบบ คือ แบบ Pool View (อยู่ชั้นบนต้องเดินลงบันไดลงมาเพื่อว่าน้ำในสระว่ายน้ำ) และแบบ Pool Access (ชั้นล่าง สามารถลงเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำได้เลย) ชอบบรรยากาศแบบไหนก็เลือกพักกันได้ ซึ่งราคาไม่แตกต่างกันมากนัก
ต่อมาเรามาดูห้องพักกันบ้าง ภายในห้องพักจะดูกว้างขวาง ใช้โทนสีที่ดูสบายตาในการตกแต่ง ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำสามารถเปิดประตูห้องเพื่อนั่งแช่ในอ่างและดูทีวีไปพร้อมๆกันได้(ห้องพักในฝันเลย) ช่วยให้ผ่อนคลายได้อีกระดับหนึ่ง ส่วนระเบียงจะมีขนาดที่กว้างพอเหมาะกับห้องพัก มีชุดเก้าอี้นั่ง เพื่อชมวิวได้ ซึ่งทางโรงแรมได้ออกแบบให้แมทช์กันกับลักษณะของห้องพักมาก
สระว่ายน้ำเป็นสระที่ยาวขนานกับตัวตึก น้ำในสระใสมาก สวยงามๆเพราะมีการใช้กระเบื้องสีฟ้าน้ำทะเล ส่งผลให้น้ำในสระสีสวยพอสมควร อีกทั้งในเวลากลางคืน เมื่อน้ำกระทบกับแสงไฟยิ่งทำให้ดูสวยอย่างไม่ต้องมีคำบรรยายเลยทีเดียว
สุดท้ายบรรยากาศของการต้อนรับ และความเป็นกันเองของพนักงาน นั้นจากที่ลองอ่านรีวิวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินั้นล้วนพอใจในการบริการของพนักงานของโรงแรมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งระดับความพอใจโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 8.5/10 ถือว่าดีพอสมควรเลยทีเดียว
วันนี้ขอนำโรงแรมมาแนะนำเพียงโรงแรมเดียวก่อนนะจ๊ะ ยังไงหากใครสนใจอยากจะเข้าพักอย่างไรก็ลองหาจองโรงแรมได้เลยจ้า ซึ่งเทคนิคการเลือกห้องพักก็มีแนะนำไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว ยังไงก็ลองนำไปใช้กันดูนะ
ขอขอบคุณข้อมูลรีวิวผู้เข้าพัก และรูปภาพประกอบจาก http://www.hotelresort2thai.com/ ค่ะ
โรงแรมโคโคนัท วิลล่า รีสอร์ท ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะสมุยเป็นรงแรมที่บรรยากาศดีเยี่ยม อยู่ห่างไกลจากความแออัดของผู้คน เหมาะสำหรับผู้ที่อยากพักผ่อนอย่างแท้จริง ตัวโรงแรมมีลักษณะเป็นตึก 2 ชั้น จำนวน 2 ตึกตั้งเรียงขนานหันหน้าเข้าหากัน โดยมีสระว่ายน้ำกั้นกลาง โดยห้องจะมี 2 แบบ คือ แบบ Pool View (อยู่ชั้นบนต้องเดินลงบันไดลงมาเพื่อว่าน้ำในสระว่ายน้ำ) และแบบ Pool Access (ชั้นล่าง สามารถลงเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำได้เลย) ชอบบรรยากาศแบบไหนก็เลือกพักกันได้ ซึ่งราคาไม่แตกต่างกันมากนัก
ต่อมาเรามาดูห้องพักกันบ้าง ภายในห้องพักจะดูกว้างขวาง ใช้โทนสีที่ดูสบายตาในการตกแต่ง ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำสามารถเปิดประตูห้องเพื่อนั่งแช่ในอ่างและดูทีวีไปพร้อมๆกันได้(ห้องพักในฝันเลย) ช่วยให้ผ่อนคลายได้อีกระดับหนึ่ง ส่วนระเบียงจะมีขนาดที่กว้างพอเหมาะกับห้องพัก มีชุดเก้าอี้นั่ง เพื่อชมวิวได้ ซึ่งทางโรงแรมได้ออกแบบให้แมทช์กันกับลักษณะของห้องพักมาก
สระว่ายน้ำเป็นสระที่ยาวขนานกับตัวตึก น้ำในสระใสมาก สวยงามๆเพราะมีการใช้กระเบื้องสีฟ้าน้ำทะเล ส่งผลให้น้ำในสระสีสวยพอสมควร อีกทั้งในเวลากลางคืน เมื่อน้ำกระทบกับแสงไฟยิ่งทำให้ดูสวยอย่างไม่ต้องมีคำบรรยายเลยทีเดียว
สุดท้ายบรรยากาศของการต้อนรับ และความเป็นกันเองของพนักงาน นั้นจากที่ลองอ่านรีวิวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินั้นล้วนพอใจในการบริการของพนักงานของโรงแรมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งระดับความพอใจโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 8.5/10 ถือว่าดีพอสมควรเลยทีเดียว
วันนี้ขอนำโรงแรมมาแนะนำเพียงโรงแรมเดียวก่อนนะจ๊ะ ยังไงหากใครสนใจอยากจะเข้าพักอย่างไรก็ลองหาจองโรงแรมได้เลยจ้า ซึ่งเทคนิคการเลือกห้องพักก็มีแนะนำไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว ยังไงก็ลองนำไปใช้กันดูนะ
ขอขอบคุณข้อมูลรีวิวผู้เข้าพัก และรูปภาพประกอบจาก http://www.hotelresort2thai.com/ ค่ะ
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
เมื่อหลายวันก่อนได้คุยกับเพื่อนคนนึง เค้าได้ไปเที่ยวหมูเกาะอ่างทองมา และกลับมาเล่าให้ฟัง พร้อมทั้งเก็บภาพมาฝาก เห็นว่าวิวสวยดีค่ะ ที่สำคัญเห็นบอกว่าสนุก และประทับใจด้วยเลยอยากหาความรู้มาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้เห็นกันค่ะ
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อยู่ในตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบไปด้วยหมูเกาะต่างๆจำนวน 42 เกาะ ดดยลักษณะของเกาะโดยรวมเป็นหินปูนสูงชัน มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมาย อาทิ เกาะวัวตาหลับที่สามารถชมทิวทัศน์ได้360 องศาเลยทีเดียว หรืออาจจะมาชมความงดงามของวิวทะเลสีเขียวมรกตที่โอบล้อมด้วยขุนเขากันที่ทะเลใน เกาะแม่เกาะ อันเป็นไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเพื่อชมทัศนียภาพเหล่านี้
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีดังนี้
1. เกาะวัวตาหลับ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวคา อันเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ วึ่งด้านหน้าเป็นหาดทรายขาวสะอาดตาเหมาะแก่การเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาประมาณ 500 เมตร จะมองเห็นวิวของเกาะต่างๆที่ทอดตัวเรียงกันอย่างสวยงาม การเดินทางมี 2 ทาง คือทางบก และทางน้ำ ทางบกจะใช้เส้นทางจุดชมวิวที่อ่าวคา และเกาะวัวตาหลับ ส่วนทางน้ำจะมี 2 ที่ได้แก่รอบๆเกาะผี โดยการพายเรือแคนูเที่ยวชม และ หาดอ่าวคา-ชายหาดหน้าทับ
กิจกรรม : เล่นน้ำ แค้มปิ้ง ดำน้ำตื้น ชมทิวทัศน์ เที่ยวถ้ำหินงอกหินย้อยต่างๆ แลพายเรือคายัค
2. ทะเลใน อยู่บนเกาะแม่เกาะ ห่างออกไปจากเกาะวัวตาหลับไปทางทิศเหนือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที มีลักษณะเป็นแอ่งยุบขนาดใหญ่คล้ายทะเลสาบ มีความลึกประมาณ 7 เมตร สีของน้ำทะเลที่นี่ต่างจากน้ำทะเลภายนอกเกาะ เพราะท้องน้ำตื้นและมีทรายเป็นส่วนมาก
กิจกรรม : ชมวิวทิวทัศน์ และเที่ยวถ้ำ
3. เกาะสามเส้า อยู่ตรงข้ามกับเกาะแม่เกาะ ที่นี่เป็นแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ และมีสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติที่งดงาม ได้แก่ สะพานหินธรรมชาติที่ทอดตัวโค้งยาวออกไปสู่ทะเล
กิจกรรม : ดำน้ำตื้นดูปะการัง พายเรือแคนู/คายัค แค้มปิ้ง และเล่นน้ำตามชายหาด
4. เกาะวัวกันตังและเกาะท้ายเพลา อยู่ทางเหนือของหมู่เกาะอ่างทอง เป็นเกาะที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบมาพักผ่อน เพราะมีหาดทรายที่ขาวสะอาด และเป็นจุดที่มีปะการังน้ำตื้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานเลยทีเดียว
กิจกรรม : ดำน้ำตื้น เล่นน้ำตามชายหาด
5. เกาะหินดับ เป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยงามและยาวที่สุดในอุทยานแห่งชาติ
กิจกรรม : ชมวิว และเล่นน้ำตามชายหาด
ที่พักที่รองรับนักท่องเที่ยว ได้แก่
1. บ้านบินหลาดง เข้าพักได้ 8 คน ราคา หลังละ 800 บาท/คืน
2. บ้านกัลปังหา เข้าพักได้ 6 คน ราคา 600 บาท / คืน
3. บ้านลมหวล พักได้ 10 คน ราคา 1000 บาท / คืน
4. บ้านปะการัง พักได้ 2 คน ราคา 400 บาท / คืน
5. เต็นท์ให้เช่าไม่มีเครื่องนอน มี 3 ขนาด คือ ขนาด 8-10 คน ราคา 300 บาท/คืน, ขนาด 3-5 คน ราคา 200 บาท/คืน และขนาด 2 คน ราคา 100 บาท/คืน
และทุกคนต้องจ่ายค่าใช้สถานที่พักแรมต่างๆอีกคนละ 20 บาท/คน/คืน
เพื่อนๆคนไหนที่มีใครอยากไปเที่ยวชมหมู่เกาะอ่างทองกัน ก็ขอให้เตรียมตัวและกล้องถ่ายรูปไว้ไปเก็บภาพสวยๆกันนะจ๊ะ ที่พักเราก็มีมาแนะนำแล้ว ขาดก็แต่เวลาที่จะได้ไปนี่สิ เศร้าเลย แต่ยังไงจะหาโอกาสไปทะเลสวยๆแบบนี้แน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองถ.ตลาดล่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000
โทร. (077) 420 225286 025 หรือที่งานบริการบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล สำนักอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติ กรมป่าไม้ จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร.02 561 2918-21
ภาพประกอบจาก paiduaykan.com
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อยู่ในตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบไปด้วยหมูเกาะต่างๆจำนวน 42 เกาะ ดดยลักษณะของเกาะโดยรวมเป็นหินปูนสูงชัน มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมาย อาทิ เกาะวัวตาหลับที่สามารถชมทิวทัศน์ได้360 องศาเลยทีเดียว หรืออาจจะมาชมความงดงามของวิวทะเลสีเขียวมรกตที่โอบล้อมด้วยขุนเขากันที่ทะเลใน เกาะแม่เกาะ อันเป็นไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเพื่อชมทัศนียภาพเหล่านี้
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีดังนี้
1. เกาะวัวตาหลับ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวคา อันเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ วึ่งด้านหน้าเป็นหาดทรายขาวสะอาดตาเหมาะแก่การเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาประมาณ 500 เมตร จะมองเห็นวิวของเกาะต่างๆที่ทอดตัวเรียงกันอย่างสวยงาม การเดินทางมี 2 ทาง คือทางบก และทางน้ำ ทางบกจะใช้เส้นทางจุดชมวิวที่อ่าวคา และเกาะวัวตาหลับ ส่วนทางน้ำจะมี 2 ที่ได้แก่รอบๆเกาะผี โดยการพายเรือแคนูเที่ยวชม และ หาดอ่าวคา-ชายหาดหน้าทับ
กิจกรรม : เล่นน้ำ แค้มปิ้ง ดำน้ำตื้น ชมทิวทัศน์ เที่ยวถ้ำหินงอกหินย้อยต่างๆ แลพายเรือคายัค
2. ทะเลใน อยู่บนเกาะแม่เกาะ ห่างออกไปจากเกาะวัวตาหลับไปทางทิศเหนือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที มีลักษณะเป็นแอ่งยุบขนาดใหญ่คล้ายทะเลสาบ มีความลึกประมาณ 7 เมตร สีของน้ำทะเลที่นี่ต่างจากน้ำทะเลภายนอกเกาะ เพราะท้องน้ำตื้นและมีทรายเป็นส่วนมาก
กิจกรรม : ชมวิวทิวทัศน์ และเที่ยวถ้ำ
3. เกาะสามเส้า อยู่ตรงข้ามกับเกาะแม่เกาะ ที่นี่เป็นแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ และมีสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติที่งดงาม ได้แก่ สะพานหินธรรมชาติที่ทอดตัวโค้งยาวออกไปสู่ทะเล
กิจกรรม : ดำน้ำตื้นดูปะการัง พายเรือแคนู/คายัค แค้มปิ้ง และเล่นน้ำตามชายหาด
4. เกาะวัวกันตังและเกาะท้ายเพลา อยู่ทางเหนือของหมู่เกาะอ่างทอง เป็นเกาะที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบมาพักผ่อน เพราะมีหาดทรายที่ขาวสะอาด และเป็นจุดที่มีปะการังน้ำตื้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานเลยทีเดียว
กิจกรรม : ดำน้ำตื้น เล่นน้ำตามชายหาด
5. เกาะหินดับ เป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยงามและยาวที่สุดในอุทยานแห่งชาติ
กิจกรรม : ชมวิว และเล่นน้ำตามชายหาด
ที่พักที่รองรับนักท่องเที่ยว ได้แก่
1. บ้านบินหลาดง เข้าพักได้ 8 คน ราคา หลังละ 800 บาท/คืน
2. บ้านกัลปังหา เข้าพักได้ 6 คน ราคา 600 บาท / คืน
3. บ้านลมหวล พักได้ 10 คน ราคา 1000 บาท / คืน
4. บ้านปะการัง พักได้ 2 คน ราคา 400 บาท / คืน
5. เต็นท์ให้เช่าไม่มีเครื่องนอน มี 3 ขนาด คือ ขนาด 8-10 คน ราคา 300 บาท/คืน, ขนาด 3-5 คน ราคา 200 บาท/คืน และขนาด 2 คน ราคา 100 บาท/คืน
และทุกคนต้องจ่ายค่าใช้สถานที่พักแรมต่างๆอีกคนละ 20 บาท/คน/คืน
เพื่อนๆคนไหนที่มีใครอยากไปเที่ยวชมหมู่เกาะอ่างทองกัน ก็ขอให้เตรียมตัวและกล้องถ่ายรูปไว้ไปเก็บภาพสวยๆกันนะจ๊ะ ที่พักเราก็มีมาแนะนำแล้ว ขาดก็แต่เวลาที่จะได้ไปนี่สิ เศร้าเลย แต่ยังไงจะหาโอกาสไปทะเลสวยๆแบบนี้แน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองถ.ตลาดล่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000
โทร. (077) 420 225286 025 หรือที่งานบริการบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล สำนักอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติ กรมป่าไม้ จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร.02 561 2918-21
ภาพประกอบจาก paiduaykan.com
วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
8 สิ่งเพื่อเตรียมพร้อมก่อนตะลุยเที่ยว..
จากที่ได้แนะนำเพื่อนๆชาว hotelsthailand-travel.com ไปเกี่ยวกับเรื่องทริคในการจองโรงแรม และแนะนำที่เที่ยวต่างๆไปบ้างแล้ว วันนี้เราจะนำรายละเอียดการ เตรียมตัวก่อนเดินทาง มาให้เพื่อนๆได้เตรียมความพร้อมกันไว้ก่อน (แต่ขอบอกว่าเป็นการเที่ยวแบบไม่ใช้รถส่วนตัวนะจ๊ะ)
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนออกเดินทาง
1. ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป ว่าเราไปที่นั่นแล้วสามารถทำอะไรบ้าง มีกิจกรรมแบบไหน และเที่ยวตรงนั้นแล้วเรายังไปต่อที่อื่นในบริเวณใกล้ได้อีกมั๊ย ใช้เวลาเท่าไหร่
2. แผนที่ ทำไมต้องเตรียมแผนที่ เพราะเนื่องจากบางครั้งเราอาจไปในที่ที่เพิ่งไปกันเป็นครั้งแรก จึงควรเตรียมพร้อมเกี่ยวกับเส้นทางกันไว้ เพื่อไม่ให้ไปผิดทาง อาจทำให้เสียเวลาในการเดินทาง เผลอๆอาจได้ใช้แผนที่อย่างคุ้มค่ากว่าที่คิดไว้ก็เป็นได้นะจ๊ะ
3. เช็คพาหนะที่เราจะไป เช่น ไปรถสาธารณะก็ควรเช็คเรื่องเวลารถออก ตั๋วโดยสาร และอื่นๆที่เกี่ยวข้องว่ามีอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้พลาดเที่ยวรถ และจะพลอยทำให้เสียอารมณ์ในการไปเที่ยวทริปนี้ด้วย
4. ยารักษาอาการเบื้องต้น เช่นยาพารา พลาสเตอร์ยา ยาดม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆจากการไปเที่ยวครั้งนี้ แต่ทางที่ดีอย่าให้มีอุบัติเหตุเลยดีกว่านะจ๊ะ
5. เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่างๆที่จำเป็น อาทิ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน (จะได้สะดวกและประหยัด)
6. อุปกรณ์บันทึกความทรงจำ เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะทำให้คุณเก็บความทรงจำดีๆในการไปเที่ยวยังที่ต่างๆ เช่น กลล้องถ่ายรูป กล้งวีดีโอ เป็นต้น เพื่อจะได้นำกลับมาชื่นชมในวันหลังได้
7. บัตรประจำตัวประชาชน อันนี้สำคัญเช่นเดียวกัน คุณอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นนี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นทางการ แต่ขอบอกเลยว่าจำเป็นแน่นอน เพราะเมื่อเราจะเข้าโรงแรมก็ต้องใช้ยืนยันสิทธิ์ที่จองไว้ และหากเกิดกรณีฉุกเฉิน บัตรประชาชนเป็นสิ่งแรกที่ต้องใช้ เพื่อระบุความเป็นตัวคุณแน่นอน
8. เงิน เป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะสิ่งนี้ใช้เพื่อเพิ่มความสุขในกิจกรรมต่างๆให้กับเรานอกเหนือจากความสุขจากใจที่เราได้ไปเที่ยวนั้น แต่ถึงอย่างไร เงินก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะทำให้เรามีความสุขได้นะจ๊ะ
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ได้บอกไปนั้นล้วนแล้วแต่สำคัญ และขาดไม่ได้เลยทีเดียว มิเช่นนั้นเราจะพลาดโอกาสแห่งรอยยิ้มและความสุขสุดๆจากการเที่ยวทริปที่เราตั้งไว้ หวังว่าคงนำไปใช้เตรียมพร้อมก่อนการเดินทางกันนะ
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนออกเดินทาง
1. ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป ว่าเราไปที่นั่นแล้วสามารถทำอะไรบ้าง มีกิจกรรมแบบไหน และเที่ยวตรงนั้นแล้วเรายังไปต่อที่อื่นในบริเวณใกล้ได้อีกมั๊ย ใช้เวลาเท่าไหร่
2. แผนที่ ทำไมต้องเตรียมแผนที่ เพราะเนื่องจากบางครั้งเราอาจไปในที่ที่เพิ่งไปกันเป็นครั้งแรก จึงควรเตรียมพร้อมเกี่ยวกับเส้นทางกันไว้ เพื่อไม่ให้ไปผิดทาง อาจทำให้เสียเวลาในการเดินทาง เผลอๆอาจได้ใช้แผนที่อย่างคุ้มค่ากว่าที่คิดไว้ก็เป็นได้นะจ๊ะ
3. เช็คพาหนะที่เราจะไป เช่น ไปรถสาธารณะก็ควรเช็คเรื่องเวลารถออก ตั๋วโดยสาร และอื่นๆที่เกี่ยวข้องว่ามีอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้พลาดเที่ยวรถ และจะพลอยทำให้เสียอารมณ์ในการไปเที่ยวทริปนี้ด้วย
4. ยารักษาอาการเบื้องต้น เช่นยาพารา พลาสเตอร์ยา ยาดม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆจากการไปเที่ยวครั้งนี้ แต่ทางที่ดีอย่าให้มีอุบัติเหตุเลยดีกว่านะจ๊ะ
5. เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่างๆที่จำเป็น อาทิ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน (จะได้สะดวกและประหยัด)
6. อุปกรณ์บันทึกความทรงจำ เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะทำให้คุณเก็บความทรงจำดีๆในการไปเที่ยวยังที่ต่างๆ เช่น กลล้องถ่ายรูป กล้งวีดีโอ เป็นต้น เพื่อจะได้นำกลับมาชื่นชมในวันหลังได้
7. บัตรประจำตัวประชาชน อันนี้สำคัญเช่นเดียวกัน คุณอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นนี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นทางการ แต่ขอบอกเลยว่าจำเป็นแน่นอน เพราะเมื่อเราจะเข้าโรงแรมก็ต้องใช้ยืนยันสิทธิ์ที่จองไว้ และหากเกิดกรณีฉุกเฉิน บัตรประชาชนเป็นสิ่งแรกที่ต้องใช้ เพื่อระบุความเป็นตัวคุณแน่นอน
8. เงิน เป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะสิ่งนี้ใช้เพื่อเพิ่มความสุขในกิจกรรมต่างๆให้กับเรานอกเหนือจากความสุขจากใจที่เราได้ไปเที่ยวนั้น แต่ถึงอย่างไร เงินก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะทำให้เรามีความสุขได้นะจ๊ะ
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ได้บอกไปนั้นล้วนแล้วแต่สำคัญ และขาดไม่ได้เลยทีเดียว มิเช่นนั้นเราจะพลาดโอกาสแห่งรอยยิ้มและความสุขสุดๆจากการเที่ยวทริปที่เราตั้งไว้ หวังว่าคงนำไปใช้เตรียมพร้อมก่อนการเดินทางกันนะ
วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
หน้าฝนนี้! เที่ยวไหนกันดี
สวัสดีเพื่อนๆชาวโฮเทลไทยแลนด์ทุกคนจ้า ช่วงนี้เข้าพรรษาแล้ว อีกนัยนึงก็คือหน้าฝนนนั่นเอง แต่เอ๊ะเอ๊ะ ถึงแม้จะเป็นหน้าฝนแล้วแต่เราก็ยังสรรหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ท้าทาย และเหมาะกับช่วงหน้าฝนกันมาให้เพื่อนๆได้เก็บไว้เป็นตัวเลือกอีกที่หนึ่ง นั่นคือ แก่งหินเพิง ณ ปราจีนบุรีนั่นเอง
แก่งหินเพิง นี้เป็นแก่งลำน้ำใสขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์ป่า ขญ.9 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เป็นแก่งที่อยู่ในระดับ 3-5 นักล่องแก่งจึงต้องใช้ทักษะและ ความชำนาญในการพายเป็นอย่างสูง ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่องแก่งได้นั้น อยู่ในช่วงเดือน กรกฎาคม - ตุลาคม ของทุกปี เนื่องจากในช่วงนี้เป็นฤดูฝน จึงมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก สร้างความท้าทายในกับแฟนๆนักล่องแก่งอย่างแน่นอน สำหรับทริปการล่องแก่งนั้นจะผ่านแก่งต่างๆทั้งหมด 6 แก่งด้วยกัน
1. แก่งหินเพิง ซึ่งแก่งนี้เป็นหัวใจหลักของทริปล่องแก่งในครั้งนี้เนื่องจากมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ต้องอาศัยทักษะจึงท้าทายเป็นอย่างยิ่ง แก่งมีความยาวประมาณ 150 เมตร ใครอยากท้าทายก็สมใจกันเลยจ้า
2. แก่งผักหนามล้อม เป็นกระแสน้ำขนาดใหญ่ไหลวนไปมา แต่กระแสน้ำไม่แรงมากนัก สามารถพายเรือได้อย่างสบายๆ
3. แก่งวังบอน มีความยาวประมาณ 30 เมตร กระแสน้ำจะไหลเป็นทางลาดเอียงลงมายังแก่งลูกเสือเป็นมุม 30 องศา แก่งนี้พายเรือกันได้แบบชิวๆนะจ๊ะ
4. แก่งลูกเสือ เป็นอีกแก่งหนึ่งที่เราพายเรือกันได้แบบชิวๆ ชมวิวธรรมชาติข้างทาง แต่ต้องระวังอันตรายจากกิ่งไม้ข้างทาง ที่อาจจะโดนหนามเกี่ยวหรือตำให้เรามีแผลกลับไปได้นะจ๊ะ
5. แก่งวังไทร เป็นแก่งที่มีความกว้างพอสมควรประมาณ 60 เมตร และยาวประมาณ 150 เมตร และต้องใช้ทักษะในการพายเรือค่อนข้างสูงเช่นเดียวกับแก่งหินเพิง เนื่องจากกระแสน้ำจะไหลม้วนตัวเป็นวงคลื่น จึงสนุกกันได้อีกรอบหลังจากพักเหนื่อยกันมาจากแก่งก่อนหน้านี้แล้ว และส่วนใหญ่แก่งนี้จะเป็นแก่งสุดท้ายที่นักล่องแก่งส่วนใหญ่ขึ้นไปพักรับประทานอาหารและอาบน้ำกันจ้า
6. แก่งงูเห่า เป็นแก่งสุดท้ายในทริปนี้ ปริมาณน้ำไหลจะไหลในลักษณะแบบฝายกั้นน้ำ จึงพายเรือกันได้ไม่ยากนัก
เป็นอันว่าทราบรายละเอียดของแก่งกันไปทั้ง 6 แก่งแล้ว จะเห็นได้ว่าทริปล่องแก่งของเราครั้งนี้เหมาะมากเนื่องจากแก่งแรกนี้เหนื่อยพอสมควร แต่เราก็ได้พักกันที่แก่งที่ 2, 3 และ 4 จากนั้นก็มาท้าทายใหม่ในแก่งที่ 5 ซึ่งทำให้เหมือนมีความท้าทายและระทึกใจได้ตลอดเวลาจริงๆ ขอแนะนำให้ลองไปพิสูจน์ความท้าทายกันได้ที่นี่ แก่งหินเพิง จ้า
ภาพประกอบจาก www.tat8.com |
1. แก่งหินเพิง ซึ่งแก่งนี้เป็นหัวใจหลักของทริปล่องแก่งในครั้งนี้เนื่องจากมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ต้องอาศัยทักษะจึงท้าทายเป็นอย่างยิ่ง แก่งมีความยาวประมาณ 150 เมตร ใครอยากท้าทายก็สมใจกันเลยจ้า
2. แก่งผักหนามล้อม เป็นกระแสน้ำขนาดใหญ่ไหลวนไปมา แต่กระแสน้ำไม่แรงมากนัก สามารถพายเรือได้อย่างสบายๆ
3. แก่งวังบอน มีความยาวประมาณ 30 เมตร กระแสน้ำจะไหลเป็นทางลาดเอียงลงมายังแก่งลูกเสือเป็นมุม 30 องศา แก่งนี้พายเรือกันได้แบบชิวๆนะจ๊ะ
4. แก่งลูกเสือ เป็นอีกแก่งหนึ่งที่เราพายเรือกันได้แบบชิวๆ ชมวิวธรรมชาติข้างทาง แต่ต้องระวังอันตรายจากกิ่งไม้ข้างทาง ที่อาจจะโดนหนามเกี่ยวหรือตำให้เรามีแผลกลับไปได้นะจ๊ะ
5. แก่งวังไทร เป็นแก่งที่มีความกว้างพอสมควรประมาณ 60 เมตร และยาวประมาณ 150 เมตร และต้องใช้ทักษะในการพายเรือค่อนข้างสูงเช่นเดียวกับแก่งหินเพิง เนื่องจากกระแสน้ำจะไหลม้วนตัวเป็นวงคลื่น จึงสนุกกันได้อีกรอบหลังจากพักเหนื่อยกันมาจากแก่งก่อนหน้านี้แล้ว และส่วนใหญ่แก่งนี้จะเป็นแก่งสุดท้ายที่นักล่องแก่งส่วนใหญ่ขึ้นไปพักรับประทานอาหารและอาบน้ำกันจ้า
6. แก่งงูเห่า เป็นแก่งสุดท้ายในทริปนี้ ปริมาณน้ำไหลจะไหลในลักษณะแบบฝายกั้นน้ำ จึงพายเรือกันได้ไม่ยากนัก
เป็นอันว่าทราบรายละเอียดของแก่งกันไปทั้ง 6 แก่งแล้ว จะเห็นได้ว่าทริปล่องแก่งของเราครั้งนี้เหมาะมากเนื่องจากแก่งแรกนี้เหนื่อยพอสมควร แต่เราก็ได้พักกันที่แก่งที่ 2, 3 และ 4 จากนั้นก็มาท้าทายใหม่ในแก่งที่ 5 ซึ่งทำให้เหมือนมีความท้าทายและระทึกใจได้ตลอดเวลาจริงๆ ขอแนะนำให้ลองไปพิสูจน์ความท้าทายกันได้ที่นี่ แก่งหินเพิง จ้า
วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
9 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวัดโพธิ์
มีโอกาสได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับเมื่อไม่นานมานี้ เห็นข่าวเกี่ยวกับ Unseen in Thailand ซึ่งมีนักท่องเที่ยวได้โหวตให้วัดโพธิ์ได้ติดอันดับด้วย จึงอยากเอาความรู้เกี่ยวกับเรื่อง 9 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวัดโพธิ์มาฝากเพื่อนๆชาว hotelsthailand-travel กันค่ะ เริ่มกันเลยจ้า
ที่แรก : มหัศจรรย์พระไสยาส พระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยมีลักษณะพิเศษ คือ มีประดับมุกภาพมงคล 108 ประการที่พระบาท
อันดับสอง : มหัศจรรย์ตำราเวชเชตุพน ศาลาจารึกตำรานวดแผนโบราณ มีจิตรกรรมลายเส้นบอกตำแหน่งนวด นับเป็นบันทึกที่รวบรวมสรรพวิชาทั้งการแพทย์ การเมือง การปกครอง ประวัติการสร้างวัด และ วรรณคดี นับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ
อันดับสาม : มหัศจรรย์มหาเจดีย์ สี่รัชกาล เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ องค์พระเจดีนั้นเป็นแบบเจดีย์ย่อไม้สิบสอง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ อันประกอบด้วย พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 – 4
อันดับสี่ : มหัศจรรย์ต้นตำนานสงกรานต์ไทย คติความเชื่อตำนานสงกรานต์ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ให้จารึกลงในแผ่นศิลาติดไว้ที่วัดโพธิ์ เป็นเรื่องเล่าถึงความเป็นมาของประเพณีดังกล่าว โดยสมมุติผ่านเรื่องราวธรรมบาลกุมารและนางสงกรานต์ทั้งเจ็ดเทียบกับแต่ละวันในสัปดาห์
อันดับห้า : มหัศจรรย์มรดกโลกวัดโพธิ์ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงให้นำองค์ความรู้จากปราชญ์ของไทยเช่น ตำราการแพทย์ โบราณคดี วรรณกรรม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนฯลฯ จารึกลงบนแผ่นหินอ่อนประดับไว้ตามบริเวณผนังภายในวัดซึ่งความรู้ที่จารึกไว้บนแผ่นศิลาในปัจจุบันรวมเรียกว่า ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน โดยองค์การยูเนสโกมีมติรับรองขึ้นทะเบียนศิลาจารึกพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นเอกสารมรดกความทรงจำแห่งโลก
อันดับหก : มหัศจรรย์ตำนานยักษ์วัดโพธิ์ บอกเล่าเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำให้เกิดท่าเตียนในปัจจุบัน
อันดับเจ็ด : มหัศจรรย์ผ่านภพรัตนโกสินทร์ พระอุโบสถหลังเก่าของวัดโพธารามตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ภายหลังการสถาปนาพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดพระเชตุพนแล้ว จึงได้ลดฐานะเป็นศาลาการเปรียญ โดยภายในมี "พระพุทธศาสดา” ประดิษฐานเป็นพระประธาน
อันดับแปด : มหัศจรรย์วิจิตรพระพุทธเทวปฏิมากร ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญมาจากวัดศาลาสี่หน้า ด้วยประสงค์ตั้งมั่นแน่วแน่ว่า นี่จะเป็นพระนครอย่างถาวร
อันดับเก้า : มหัศจรรย์ต้นตำรับนวดแผนไทย รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้รวบรวมการแพทย์แผนโบราณและศิลปะวิทยาการครั้งกรุงศรีอยุธยาไว้ ทรงพระราชดำรินำเอาท่าดัดตนอันเป็นการพักผ่อนอิริยาบถแก้เมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และประยุกต์กับคติไทยที่ยกย่องฤษีเป็นครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาการต่างๆ เป็นรูปฤาษีดัดตน แสดงท่าไว้ที่วัดเพื่อให้ราษฎรทั่วไปได้ศึกษาเล่าเรียนและรักษาโรคได้อย่างกว้างขวาง
จะเห็นได้ว่าเมืองไทยของเรายังมีสถานที่น่ามหัศจรรย์ให้ได้เที่ยวได้ชมกันมากมาย เราเป็นคนไทยเที่ยวกันทั่วแล้วหรือยัง อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆที่ได้แนะนำมาเบื้องต้นนี้ด้วยนะคะ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : travel.mthai.com/travel-blog/40718.html
ที่แรก : มหัศจรรย์พระไสยาส พระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยมีลักษณะพิเศษ คือ มีประดับมุกภาพมงคล 108 ประการที่พระบาท
อันดับสอง : มหัศจรรย์ตำราเวชเชตุพน ศาลาจารึกตำรานวดแผนโบราณ มีจิตรกรรมลายเส้นบอกตำแหน่งนวด นับเป็นบันทึกที่รวบรวมสรรพวิชาทั้งการแพทย์ การเมือง การปกครอง ประวัติการสร้างวัด และ วรรณคดี นับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ
อันดับสาม : มหัศจรรย์มหาเจดีย์ สี่รัชกาล เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ องค์พระเจดีนั้นเป็นแบบเจดีย์ย่อไม้สิบสอง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ อันประกอบด้วย พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 – 4
อันดับสี่ : มหัศจรรย์ต้นตำนานสงกรานต์ไทย คติความเชื่อตำนานสงกรานต์ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ให้จารึกลงในแผ่นศิลาติดไว้ที่วัดโพธิ์ เป็นเรื่องเล่าถึงความเป็นมาของประเพณีดังกล่าว โดยสมมุติผ่านเรื่องราวธรรมบาลกุมารและนางสงกรานต์ทั้งเจ็ดเทียบกับแต่ละวันในสัปดาห์
อันดับห้า : มหัศจรรย์มรดกโลกวัดโพธิ์ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงให้นำองค์ความรู้จากปราชญ์ของไทยเช่น ตำราการแพทย์ โบราณคดี วรรณกรรม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนฯลฯ จารึกลงบนแผ่นหินอ่อนประดับไว้ตามบริเวณผนังภายในวัดซึ่งความรู้ที่จารึกไว้บนแผ่นศิลาในปัจจุบันรวมเรียกว่า ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน โดยองค์การยูเนสโกมีมติรับรองขึ้นทะเบียนศิลาจารึกพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นเอกสารมรดกความทรงจำแห่งโลก
อันดับหก : มหัศจรรย์ตำนานยักษ์วัดโพธิ์ บอกเล่าเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำให้เกิดท่าเตียนในปัจจุบัน
อันดับเจ็ด : มหัศจรรย์ผ่านภพรัตนโกสินทร์ พระอุโบสถหลังเก่าของวัดโพธารามตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ภายหลังการสถาปนาพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดพระเชตุพนแล้ว จึงได้ลดฐานะเป็นศาลาการเปรียญ โดยภายในมี "พระพุทธศาสดา” ประดิษฐานเป็นพระประธาน
อันดับแปด : มหัศจรรย์วิจิตรพระพุทธเทวปฏิมากร ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญมาจากวัดศาลาสี่หน้า ด้วยประสงค์ตั้งมั่นแน่วแน่ว่า นี่จะเป็นพระนครอย่างถาวร
อันดับเก้า : มหัศจรรย์ต้นตำรับนวดแผนไทย รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้รวบรวมการแพทย์แผนโบราณและศิลปะวิทยาการครั้งกรุงศรีอยุธยาไว้ ทรงพระราชดำรินำเอาท่าดัดตนอันเป็นการพักผ่อนอิริยาบถแก้เมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และประยุกต์กับคติไทยที่ยกย่องฤษีเป็นครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาการต่างๆ เป็นรูปฤาษีดัดตน แสดงท่าไว้ที่วัดเพื่อให้ราษฎรทั่วไปได้ศึกษาเล่าเรียนและรักษาโรคได้อย่างกว้างขวาง
จะเห็นได้ว่าเมืองไทยของเรายังมีสถานที่น่ามหัศจรรย์ให้ได้เที่ยวได้ชมกันมากมาย เราเป็นคนไทยเที่ยวกันทั่วแล้วหรือยัง อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆที่ได้แนะนำมาเบื้องต้นนี้ด้วยนะคะ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : travel.mthai.com/travel-blog/40718.html
วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ว้าว! ทริปเที่ยวเกาะล้าน ทะเลสวย น้ำใสสีคราม
สวัสดีเพื่อนๆ hotelsthailand-travel ทุกคนนะคะ วันนี้ไปสอบกฟภ. ที่ ม.รังสิตมา เหนื่อยมาข้อสอบก็หนักหนาเอาการ งงไปตามๆกัน พูดแล้วปวดหัวไม่อยากพูดถึงเลย
งั้นวันนี้มาย้อนวันวานที่เคยได้ไปเที่ยวกันดีกว่า ว่าแล้วก็หยิบยกเอาทริปที่ได้ไปเที่ยวเกาะล้านกับเพื่อนๆเมื่อต้นเดือนมีนาที่ผ่านมานี้เอง ว่าแล้วก็ให้ชมภาพความสวยงามกันไปด้วยเลย เราเริ่มออกเดินทางกันแต่เช้า ขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงท่าเรือไปเกาะล้าน ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ไปถึงเกาะล้าน เมื่อเราจัดแจงเก็บข้าวของกันเสร็จแล้ว ทริปเที่ยวของเราก็เริ่มขึ้น
หาดแรกที่เราไปกันคือ หาดตาแหวน ได้ยินข่าวมาว่าหาดที่นี่สวยมาก น้ำทะเลใสสีสวย เมื่อไปถึงก็ ว้าว! สุดยอดน้ำทะเลสีสวย แถมของกินเพียบการันตีความสวยได้จากภาพ และบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่หลั่งไหลมาเที่ยวพักผ่อนกันเยอะเลยทีเดียว ยิ่งช่วงวันหยุดอย่างนี้คนยิ่งเยอะ แดดแรงกำลังดี แถมมีเก้าอี้ชายหาดไว้คอยบริการเพียบ! สนุกกันเลยทีเดียว ว่าแล้วเมื่อเล่นน้ำทะเลกันมาเหนื่อยๆ ก็เริ่มหิว เลยต้องมีการหาของกินรองท้องกันซะหน่อย เลยจัดการหาอาหารดีๆ (น่าจะนะ อิอิ)
อาหาร : ของกินที่เราสรรหากันมาแต่ละอย่าง บางอย่างอาจจะไม่เข้ากับการมาเที่ยวทะเล แต่ก็ของโปรดอ่ะ อยากกิน! ของกินแก้หิวของเรามีส้มตำไทยปู ส้มตำปูปลาร้า ปลาหมึกทอด ลูกชิ้นปลาหมึก ไส้กรอก และอื่นๆที่เรากินกันไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ ถึงจะเป็นอาหารธรรมดา แต่ก็ช่วยให้เราอิ่มกันเลยทีเดียว วันนี้เราเล่นน้ำทะเลกันจนถึงตอนเย็นก็กลับที่พักแล้ว แต่ก็รู้สึกประทับใจกับหาดตาแหวนเป็นอย่างมาก วันหลังจะแวะมาเที่ยวอีกแน่นอน ฟันธง!
คืนนี้เรานอนหลับกันอย่างมีความสุข รุ่งเช้าเราก็จัดแจงเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับไปผจญกับความวุ่นวายในเมืองกรุงกันต่อ คิดแล้วก็ท้อใจกับอาชีพพนักงานบริษัทอย่างเราๆ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ลืมไป! ก่อนขึ้นเรือเราได้แวะซื้อของฝากตรงท่าเรือหน้าบ้าน ของฝากที่เราซื้อมาก็มีพวกของฝากเล็กๆน่ารักๆ และของกิน ซึ่งขาดไม่เคยได้เลยอิอิ
ไว้วันหลังหากมีทริปใหม่ๆจะเอามาแนะนำให้เพื่อนๆได้ติดตาม และเป็นข้อมูลไว้ เผื่อจะได้ไปเที่ยวกันบ้างในช่วงทริปวันหยุดยาวนะจ๊ะ
วิวหาดแสม |
พักผ่อนกับแสงแดดบนชายหาดตาแหวน |
ของกินแก้หิว |
ของฝากที่ขายที่ท่าเรือ |
ไว้วันหลังหากมีทริปใหม่ๆจะเอามาแนะนำให้เพื่อนๆได้ติดตาม และเป็นข้อมูลไว้ เผื่อจะได้ไปเที่ยวกันบ้างในช่วงทริปวันหยุดยาวนะจ๊ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)