วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวที่ไหนให้สุขใจใน 1 วัน

         ทักทายเพื่อนๆกันในวันเริ่มต้นทำงาน อีกไม่กี่วันก็จะได้ถึงวันหยุดยาวแล้ว แต่ช่วงสัปดาห์ระหว่างก่อนถึงวันหยุดนั้น หากใครอยากเที่ยวแบบชิวๆ ให้สุขกายสบายใจภายใน 1 วัน เรามีสถานที่อันน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งมาเสนอเพื่อนๆกัน นั่นคือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

         
           วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เป็นวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ภายในไม่มีพระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษา รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระบรมมหาราชวังและกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นการสร้างวัดในพระราชวังตามอย่างวัดพระศรีสรรเพชญ์ของกรุงศรีอยุธยา ภายในมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วย 3 ส่วน คือส่วนแรกเป็นวัดพระแก้วมรกต ส่วนของระเบียงที่ลดหลั่นกันลงไป และส่วนของหมู่ตึกทางทิศเหนือ 
            
             สิ่งที่น่าสนใจและต้องเข้าชม ได้แก่
      1. พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เป็นพระประทับนั่งอย่างสมาธิราบในสกุลช่างล้านนา ประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งรัชกาลที่ 1 ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทร์

      2. นครวัดจำลอง รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้พระสามภพพ่ายสร้างขึ้น โดยจำลองแบบจากปราสาทหินนครวัดของกัมพูชา เมื่อถึงในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ด้วยปูน เพื่อฉลองพระนครครบรอบ 100 ปี

      3. ปราสาทพระเทพบิดร เดิมเรียก “พุทธปรางค์ปราสาทเป็นปราสาทยอดปรางจัตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 1-8 เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมรูปในวันจักรี ( 6 เม.ย. ) ของทุกปี

      4. พระมณฑป ตั้งอยู่ทางด้านหลังปราสาทพระเทพบิดรสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในมีตู้เก็บพระไตรปิฏกทรงมณฑปประดับมุกฝีมือประณีตงดงาม
พระระเบียง เปรียบเสมือนกำแพงวัด ผนังด้านในเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่เสาระเบียงจะมีโคลงอธิบายภาพจารึกบนแผ่นศิลาติดอยู่
พระศรีรัตนเจดีย์สร้างขึ้นตามแบบเจดีย์ดพระศรีสรรเพชญ์สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของพระมณฑป ภายในมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

       5. พระอัษฏามหาเจดีย์ บริเวณด้านหน้าพระอาราม สร้างสมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อถวายแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ภายนอกระเบียง 6 องค์ภายในระเบียง 2 องค์มีชื่อประจำทุกองค์

       6. ยักษ์ทวารบาล ตั้งเรียงรายที่ช่องประตูพระระเบียงมีคู่เป็นยักษ์ตัวเอกจากเรื่องรามเกียรติ์ แต่ละตนต่างมีชื่อประจำตัว สร้างด้วยปูนปั้นทาสีและประดับกระเบื้องเคลือบ
หอพระคันธารราษฏร์ที่มุมระเบียงด้านตะวันออกเป็นประดิษฐานพระพุทธคันธารราษฏร์ ซึ่งเป็นพระประธานในพิธีพิรุณศาสตร์ละพระราชพิธีพืชมงคล ภายในหอมีภาพเขียนเกี่ยวกับฝนในแต่ละฤดูและฝนโบกขรณีฝีมือขรัวอินโข่ง

       7. หอพระราชกรมานุสร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ34 องค์ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างเป็นพระราชอุทิศถวายแด่พระมหากษัตริย์ในกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี

       8. หอพระราชพงศานุสร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ฝาผนังมีภาพจิตรกรรมพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฝีมือขรัวอินโข่ง
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา วางประดับเรียงรายอยู่โดยรอบ

      9. หอพระนาก อยู่ด้านหลังวิหารยอด เป็นอาคารทรงไทยหลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิพระบรมวงศ์
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา วางประดับเรียงรายอยู่โดยรอบ

            ทั้งหมดนี้เราสามารถเที่ยวชมได้ในบริเวณวัด ซึ่งทำให้เราได้ความรู้และชมความสวยงามของศิลปะอันประณีตของคนไทย ที่ได้ถ่ายทอดไว้ให้ชนรุ่นหลังอย่างเราได้ดูกัน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือเราได้สักการะพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเราด้วย เห็นมั๊ยล่ะ ได้เที่ยวแล้วยังสุขกาย สบายใจอีกด้วย

       รถประจำทาง: 1 3 6 9 15 19 25 30 32 33 39 43 44 47 53 59 60 64 65 70 80 82 91 123 201 203
       รถปรับอากาศ: 1 8 25 38 39 44 506 507 512
       ท่าเรือ: เรือด่วนเจ้าพระยา: ท่าช้าง
       ทำการ: ทุกวัน 08.30-15.30 น.
       ค่าธรรมเนียม-ค่าเข้าชม: ชาวต่างชาติ 250 บาท
      
ที่มา : board.palungjit.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น