วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พลาดไม่ได้! งานBonjour Bangkok 2011 งานมหกรรมสินค้าการกุศลฝรั่งเศส 3-4 กันยายน

                    ช่วงนี้นอกจากมหกรรมด้านการท่องเที่ยวที่จะจัดขึ้นในวันที่2-5 กันยายนนี้แล้ว เรายังมีงาน "มหกรรมสินค้าการกุศลฝรั่งเศส 3-4 กันยายน"
เป็นงานการกุศลเพื่อนำเงินขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลเนื่องในมหามงคลวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบพระชนมพรรษา ส่วนที่เหลือเพื่อกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาภาษาฝรั่งเศสสำหรับเยาวชน

                 Bonjour Bangkok 2011 จะจัดให้มีขึ้นในระหว่างวันเสาร์ที่ 3 และวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2544 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 ในงานนอกจากจะมีการออกร้านขายสินค้าหลากหลาย ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพทั้งของฝรั่งเศสและสินค้าไทย สินค้า OTOP น่าเลือกซื้อหาในราคาย่อมเยา ยังมีการแสดงจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆที่มีการเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศส ทั้งการขับร้อง การเต้นระบำแคน-แคน การแข่งขันตอบปัญหาภาษาฝรั่งเศส มุมจำลองศิลปินแบบฝรั่งเศสที่จะมาวาดรูปในบรรยากาศสบาย ๆ มีการสาธิตการทำอาหารและขนมฝรั่งเศสจากสถาบัน Vatel มหาวิทยาลัยศิลปากร  มุมโหรหลากหลายทฤษฎีที่จะมาให้การทำนายดวงชะตา ตลอดงานมีการลุ้นรางวัลต่าง ๆ มากมาย

              การแสดงไฮไลท์ของงานคือการที่มูลนิธิคีตาศิราวาทจะนำเพลงพระราชนิพนธ์ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสมาแสดงในงานนี้เป็นครั้งแรก โดยคุณเปรมิกา สุจริตกุล เป็นนักร้องรับเชิญขับขานเพลงพระราชนิพนธ์ที่แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสให้ในงานทั้งสองวัน นอกจากนี้ในวันเสาร์ที่ 3 กันยายน นักร้องเสียงดีมีคุณภาพ คุณมาลีวัลย์ เจมิน่า ที่นอกจากจะร้องเพลงให้ในงานแล้ว ยังจะมาเปิดใจถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ในเรื่องการสาธิตการทำอาหาร คุณพล ตัณฑเสถียร นักแสดงและเชฟชื่อดัง จะมาสาธิตการทำขนม
ฝรั่งเศสที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน
       ใครอยากไปชมและซื้อสินค้า OTOP ก็ไปกันได้ ที่สำคัญงานนี้ไม่มีการเก็บค่าผ่านประตูนะจ๊ะ

ห้ามพลาด! งานเที่ยวไทย ครั้งที่ 19, 2-5 ก.ย. 2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

               สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ช่วงนี้เห็นหลายๆคนวางแผนจะไปเที่ยวกัน ทั้งพี่ในที่ทำงานเองก็เห็นจะไปเที่ยวฮ่องกงกันหลายคน แล้วเพื่อนๆมีใครอยากไปเที่ยวไหนกันบ้างเอ่ย แต่เดี่๋ยวๆก่อน หากใครยังไม่ได้จองตั๋ว หรือหาบริษัททัวร์อยู่

              วันนี้เรามีงานมหกรรมดีๆมานำเสนอ นั่นคือ " งานเที่ยวไทย ครั้งที่19 "  จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 นี้ ภายในงานจะมีผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวมากกว่า 1000 ราย รวมแล้ว 1183 บูธ อาทิ โรงแรม รีสอร์ต สายการบิน บริษัททัวร์ รถเช่า สปา สถานบันเทิง เรือท่องเที่ยว ภัตตาคาร อุปกรณ์ท่องเที่ยว-เดินทาง แค้มปิ้ง ดำน้ำ สื่อท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าของฝากของที่ระลึกทั่วประเทศ ความคึกคักเต็มพื้นที่ศูนย์สิริกิติ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเตรียมแพ็คเกจทัวร์ที่พักทั่วไทยและทั่วโลก มาลดราคากระหน่ำ พร้อมกระตุ้นการช้อปด้วยการนำโปรโมชั่นดีๆ มาลดแลกแจกแถมพิเศษสำหรับงานนี้เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 500,000 คน และสร้างเงินสะพัดในงานได้มากกว่า 500 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินหมุนเวียนต่อเนื่องภายหลังการจัดงานอีกหลายร้อยล้านบาท
               งานนี้เที่ยวครั้งเดียว ได้กันครบถ้วนนะคะเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น ความสนุก ความประหยัด แพคเกจราคาถูกใจ และบริษัททัวร์ที่น่าเชื่อถือ ผู้สนใจสามารถเที่ยวชมได้ในวันเวลาดังกล่าวข้างต้นนี้นะคะ

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ถ้ำมรกต ถ้ำน้ำสีเขียวดุจมรกต...Unseen in Thailand

                 วันหยุดผ่านมาหลายคนอาจได้ไปพักผ่อนกันตามสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเที่ยวป่าเหนือ ลงทะเลใต้ หรือแม้แต่เที่ยวตามวัด โบราณสถานต่างๆภายในภาคกลางเอง คงทำให้ได้อิ่มเอิบกับวันหยุดยาวกันแล้วสินะ แต่วันนี้ทาง hotelthailand-travel ได้มีสถานที่ Unseen in Thailand มาฝากกันอีกเช่นเคยจ้า นั่นคือ "ถ้ำมรกต จ.ตรัง" นั่นเอง


                     "ถ้ำมรกต" เป็นถ้ำที่อยู่บนเกาะมุกต์ ในเขตอุทยานแห่งชาติเจ้าไหม จังหวัดตรัง เป็นถ้าที่มีความอัศจรรย์ เนื่องจากจะเข้าออกได้ในช่วงเวลาน้ำลงเท่านั้น โดยปากถ้ำจะเป็นโพรงเล็กๆ เมื่อจะเข้าไปต้องลอยคอในน้ำ แล้วลอดถ้ำอันมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งรอบข้างใดๆ ผ่านทางที่คดโค้งเป็นระยะทางประมาณ 80 เมตร สร้างความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ใครกลัวความมืดก็ได้วัดใจกันล่ะจ้า การเข้าถ้ำจะใช้การเรียงแถว 1 ลอยคอตามคนนำทางเข้าไป เมื่อพ้นปากถ้ำเราจะเห็นหาดทรายละเอียด สีขาว เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นท้องฟ้าสีคราม เนื่องจากภายในถ้ำจะมีช่องด้านบนที่ทะลุสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ และในนั้นจะมีหน้าผาสูงชันอยู่บริเวณโดยรอบ ทั้งยังมีต้นไม้ และดอกไม้ให้เห็นเป็นระยะๆ เนื่องจากปากถ้าที่ใช้ลอดเข้าสู่ถ้ำมรกตนั้นจะอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเกาะ ดังนั้นเมื่อแสงอาทิตย์ทอดทำมุมพอเหมาะกับเกาะ จะทำให้เวิ้งของถ้ำกลายเป็นสีเขียวมรกต งดงามเป็นอย่างยิ่ง

                 ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกตคือ ช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ในแต่ละวัน เนื่องจากจะเห็นน้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกต และเวลาที่แสงอาทิตย์ทอดส่องลอดปากถ้ำลงมา คือระหว่างเวลา 10.00 - 14.00 น. และช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวคือ ระหว่างเดือนธันวาคม - เดือนพฤษภาคม

               ถ้ำมรกตเป็นถ้ำธรรมดาที่ไม่แตกต่างจากถ้ำอื่นมากนัก แต่เหตุใดที่ถ้ำแห่งนี้สร้างความน่าตื่นตา ตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและยังเป็น Unseen in Thailand ได้นั้น เราต้องไปพิสูจน์เพื่อให้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆที่ได้รับฟังมา ถึงจะสามารถเข้าใจได้ อย่าลืมไปเที่ยวกันให้ได้นะจ๊ะ ชาว hotelthailand-travel ทุกคน


ภาพประกอบจาก ททท.

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทำบุญโรงศพกัน..ที่วัดหัวลำโพง

           สวัสดีเพื่อนๆนะคะ ช่วงนี้ก็ย่างเข้าใกล้วันแม่ขึ้นทุกที เพื่อนมีใครไปทำบุญกันที่ไหนบ้างคะ แน่นอนล่ะว่านอกจากตักบาตรแล้วอาจมีทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลากันด้วย และวันนี้ทาง hotelthailand-travel ก็มีกิจกรรมงานบุญดีๆที่ให้เราได้ทำกันง่ายๆ ได้เที่ยวในบริเวณรอบๆ และแถมยังได้บุญกลับบ้านด้วย นั่นคือ กิจกรรมการทำบุญโรงศพที่วัดหัวลำโพง


             วัดหัวลำโพงเป็นวัดยอดนิยมที่มีคนหลั่งไหลมาทำบุญถวายโรงศพกันไม่ขาดสาย การทำบุญถวายโรงศพนั้นเป็นอานิสงอย่างหนึ่งที่เราสามารถทำกันได้ง่าย และสามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวก โดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีสามย่าน และออกทางออกสู่วัดหัวลำโพงค่ะ หรือหากสะดวกมารถเมลล์ ก็สามารถใช้บริการรถประจำทางได้ คือรถเมลล์ธรรมดา และรถเมลล์ปรับอากาศ
            รถเมลล์ธรรมดา : 4, 21, 25, 34, 40, 46, 67, 73, 109, 113
            รถปรับอากาศ : ปอ4, ปอ17, ปอ29, ปอ67

            เมื่อเรามาถึงที่วัดหัวลำโพงแล้วก็ให้ไปที่โต๊ะเพื่อเขียนใบสีชมพู ซึ่งมีไว้สำหรับเขียนชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิดของเรา เมื่อเสร็จแล้วก็จ่ายเงินและเดินเอาไปติดที่โรงศพและทำบุญต่างๆตามขั้นตอนที่เค้าได้แนะนำไว้ ซึ่งจะมีคนมาทำกันเป็นประจำ โดยในการจุดธูปนั้นจะจุดกันจำนวน 20 ดอก ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดถึงใช้ธูปจำนวนถึง 20 ดอก                                
การทำบุญโรงศพนั้นได้บุญกุศลไม่น้อยไปกว่าการทำบุญอย่างอื่น หากเพื่อนๆมีเวลาว่าง ก็ให้แวะมาทำบุญที่วัดหัวลำโพงกันได้นะจ๊ะ


วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวเขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) กุ้ยหลินแห่งเมืองไทย

           วันหยุดต่อเนื่องหลายวันที่จะมาถึงนี้ เพื่อนๆมีทริป หรือวางโครงการที่จะไปเที่ยวที่ไหนในเมืองไทยกันบ้างแล้วหรือยัง ถ้ายังวันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งมานำเสนอ รับรองว่าถูกใจคนชอบเที่ยวทางธรรมชาติ และพักผ่อนไปกับสายน้ำกันได้ที่ เขื่อนรัชชประภา กุ้ยหลินเมืองไทย

ที่พักบริเณเขื่อนเชี่ยวหลาน
             เขื่อนรัชชประภา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่น ที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก เหตุที่เรียกเขื่อนรัชชประภาว่าเป็น "กุ้ยหลินเมืองไทย" นั้นเพราะว่าเขื่อนรัชชประภามีภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกับเมืองกุ้ยหลินของเมืองจีน นั่นคือมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่สูงชัน ถูกล้อมรอบไปด้วยผืนน้ำอันกว้างใหญ่ น้ำมีความลึกเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีตะไคร่น้ำอยู่เบื้องล่าง จึงทำให้สีของน้ำ มีลักษณะเป็นดั่งสีเข้มของมรกต จนทำให้นักท่องเที่ยวหลายคน หลงเข้าใจผิดคิดว่าน้ำที่เห็นเป็นน้ำทะเล ซึ่งจริงๆแล้วเป็นน้ำจืดธรรมดาภายในเขื่อนรัชชประภานี่เอง

ถ้ำน้ำทะลุ
            เขื่อนรัชชประภามีทัศนียภาพที่สวยงาม จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมีความประทับใจกันทุกคน นอกจากนี้ในพื้นที่โดยรอบของเขื่อนยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก อาทิเช่น ถ้ำน้ำทะลุ เป็นถ้ำที่มีลำธารไหผ่านและต้องเดินป่าเข้าไปเพื่อชมถ้ำแห่งนี้ โดยเส้นทางมีบรรยากาศที่ร่มรื่น และใช้ระยะทางในการเดินไม่ไกลนัก ทั้งเส้นทางในการเดินก็ไม่ลำบากมาก

ถ้ำปะการัง
ต่อมา ถ้ำปะการังก็เป็นอีกถ้ำหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากมีการเข้าถึงได้สะดวก ไม่ต้องเดินทางไกลเหมือนกับถ้ำน้ำทะลุ ที่ต้องอาศัยการเดินป่า ไต่ความสูงขึ้นไป และมี จุดชมวิว ที่เมื่อมองลงมาจากจุดชมวิวจะเห็นเกาะแก่งน้อยใหญ่ ที่รายรอบอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำ ช่วยให้เราเพลิดเพลินกับวิวที่ได้เห็น จนลืมความเหน็ดเหนื่อยไปเลย

          เขื่อนรัชชประภาเป็นที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง ที่คนรักธรรมชาติต้องหาโอกาศไปเที่ยว และพักผ่อนไปกับธรรมชาติให้ได้ความสุนทรี และผ่อนคลายไปกับสายน้ำสีมรกต อาจทำให้เพื่อนๆหายเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ได้ อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวกันนะจ๊ะ

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กฏและข้อห้ามในการเข้าเยี่ยมชมวัดพระแก้ว

          ทักทายเพื่อนๆชาว hotelsthailand-travel ทุกคนจ้า จากหัวข้อก่อนที่ได้นำความรู้เกี่ยวกับการเข้าเยี่ยมชมวัดพระแก้วแล้ว วันนี้เราจะนำความรู้เกี่ยวกับกฏและข้อห้ามในการเข้าเยี่ยมชมมาฝากกันบ้าง



          กฏและข้อห้ามมีดังต่อไปนี้
1. ไม่ควรใช้แฟลชในการถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังที่พระระเบียง เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับภาพจิตกรรมได้

2. ภายในอาคารอื่นทั้งหมดโดยเฉพาะพระอุโบสถ ห้ามถ่ายภาพอย่างเด็ดขาด ฝ่าฝืนมีโทษปรับ และยึดสื่อบันทึก

3. การเข้าชมเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ต้องทำหนังสือขออนุญาต ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารเงินตรา ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์

4. ห้ามสวมกางเกงหรือกระโปรง ที่มีชายสูงกว่าเข่าทุกชนิด เสื้อที่เปิดไหล่ทุกชนิด อาทิ เสื้อกล้าม เสื้อไม่มีแขน เกาะอก เป็นต้น และกางเกนยีนส์ขาดๆ

5. ห้ามสวมรองเท้าที่เปิดส้น รองเท้าแตะ และรองเท้าอื่นๆที่ไม่สุภาพทุกประเภท

6. ไม่ควรส่งเสียงดังในขณะเข้าชม และไม่ทิ้งขยะให้สกปรกภายในบริเวณวัด

             เมื่อรู้ข้อห้ามและข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้ว เพื่อนๆทุกคนก็ควรปฏิบัติตาม และเข้าเยี่ยมชมกันอย่างมีระเบียบ เพื่อที่จะสามารถช่วยกันเก็บรักษาสถานที่อันสวยงาม และน่าศรัทธา ไว้ให้คนอื่นๆได้มาเยี่ยมชม และเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับเมืองไทยของเรานะจ๊ะ

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวที่ไหนให้สุขใจใน 1 วัน

         ทักทายเพื่อนๆกันในวันเริ่มต้นทำงาน อีกไม่กี่วันก็จะได้ถึงวันหยุดยาวแล้ว แต่ช่วงสัปดาห์ระหว่างก่อนถึงวันหยุดนั้น หากใครอยากเที่ยวแบบชิวๆ ให้สุขกายสบายใจภายใน 1 วัน เรามีสถานที่อันน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งมาเสนอเพื่อนๆกัน นั่นคือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

         
           วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เป็นวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ภายในไม่มีพระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษา รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระบรมมหาราชวังและกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นการสร้างวัดในพระราชวังตามอย่างวัดพระศรีสรรเพชญ์ของกรุงศรีอยุธยา ภายในมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วย 3 ส่วน คือส่วนแรกเป็นวัดพระแก้วมรกต ส่วนของระเบียงที่ลดหลั่นกันลงไป และส่วนของหมู่ตึกทางทิศเหนือ 
            
             สิ่งที่น่าสนใจและต้องเข้าชม ได้แก่
      1. พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เป็นพระประทับนั่งอย่างสมาธิราบในสกุลช่างล้านนา ประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งรัชกาลที่ 1 ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทร์

      2. นครวัดจำลอง รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้พระสามภพพ่ายสร้างขึ้น โดยจำลองแบบจากปราสาทหินนครวัดของกัมพูชา เมื่อถึงในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ด้วยปูน เพื่อฉลองพระนครครบรอบ 100 ปี

      3. ปราสาทพระเทพบิดร เดิมเรียก “พุทธปรางค์ปราสาทเป็นปราสาทยอดปรางจัตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 1-8 เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมรูปในวันจักรี ( 6 เม.ย. ) ของทุกปี

      4. พระมณฑป ตั้งอยู่ทางด้านหลังปราสาทพระเทพบิดรสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในมีตู้เก็บพระไตรปิฏกทรงมณฑปประดับมุกฝีมือประณีตงดงาม
พระระเบียง เปรียบเสมือนกำแพงวัด ผนังด้านในเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่เสาระเบียงจะมีโคลงอธิบายภาพจารึกบนแผ่นศิลาติดอยู่
พระศรีรัตนเจดีย์สร้างขึ้นตามแบบเจดีย์ดพระศรีสรรเพชญ์สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของพระมณฑป ภายในมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

       5. พระอัษฏามหาเจดีย์ บริเวณด้านหน้าพระอาราม สร้างสมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อถวายแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ภายนอกระเบียง 6 องค์ภายในระเบียง 2 องค์มีชื่อประจำทุกองค์

       6. ยักษ์ทวารบาล ตั้งเรียงรายที่ช่องประตูพระระเบียงมีคู่เป็นยักษ์ตัวเอกจากเรื่องรามเกียรติ์ แต่ละตนต่างมีชื่อประจำตัว สร้างด้วยปูนปั้นทาสีและประดับกระเบื้องเคลือบ
หอพระคันธารราษฏร์ที่มุมระเบียงด้านตะวันออกเป็นประดิษฐานพระพุทธคันธารราษฏร์ ซึ่งเป็นพระประธานในพิธีพิรุณศาสตร์ละพระราชพิธีพืชมงคล ภายในหอมีภาพเขียนเกี่ยวกับฝนในแต่ละฤดูและฝนโบกขรณีฝีมือขรัวอินโข่ง

       7. หอพระราชกรมานุสร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ34 องค์ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างเป็นพระราชอุทิศถวายแด่พระมหากษัตริย์ในกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี

       8. หอพระราชพงศานุสร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ฝาผนังมีภาพจิตรกรรมพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฝีมือขรัวอินโข่ง
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา วางประดับเรียงรายอยู่โดยรอบ

      9. หอพระนาก อยู่ด้านหลังวิหารยอด เป็นอาคารทรงไทยหลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิพระบรมวงศ์
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา วางประดับเรียงรายอยู่โดยรอบ

            ทั้งหมดนี้เราสามารถเที่ยวชมได้ในบริเวณวัด ซึ่งทำให้เราได้ความรู้และชมความสวยงามของศิลปะอันประณีตของคนไทย ที่ได้ถ่ายทอดไว้ให้ชนรุ่นหลังอย่างเราได้ดูกัน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือเราได้สักการะพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเราด้วย เห็นมั๊ยล่ะ ได้เที่ยวแล้วยังสุขกาย สบายใจอีกด้วย

       รถประจำทาง: 1 3 6 9 15 19 25 30 32 33 39 43 44 47 53 59 60 64 65 70 80 82 91 123 201 203
       รถปรับอากาศ: 1 8 25 38 39 44 506 507 512
       ท่าเรือ: เรือด่วนเจ้าพระยา: ท่าช้าง
       ทำการ: ทุกวัน 08.30-15.30 น.
       ค่าธรรมเนียม-ค่าเข้าชม: ชาวต่างชาติ 250 บาท
      
ที่มา : board.palungjit.com/